Login Form

การจัดการสิ่งแวดล้อมผ่านคู่ค้าทางธุรกิจ

ในข้อกำหนดของมาตรฐาน ISO 14001:2004  ได้มีการระบุข้อกำหนดในเรื่องการชี้บ่งประเด็นปัญหาสิ่งแวดล้อมที่องค์กร สามารถควบคุมหรือสามารถจัดการได้ไว้ ซึ่งเจตนารมณ์ของมาตรฐานคือการออกข้อกำหนดที่ซึ่งเกี่ยวข้องในส่วนของการควบ คุมผู้ส่งมอบของตน หรือวัตถุดิบ สิ่งของ บริการที่องค์กรของตนสั่งซื้อ ซึ่งการประยุกต์ใช้ข้อกำหนดดังกล่าวจำเป็นต้องเข้าใจในเรื่องการจัดการสิ่ง แวดล้อมผ่านคู่ค้าทางธุรกิจ บทความนี้ได้ให้แนวทางในการประยุกต์ใช้หลักการนี้ ในการที่นำหลักการนี้ไปประยุกต์ใช้ท่านจำเป็ฯต้องทราบ ประโยชน์ของการจัดการสิ่งแวดล้อมผ่านคู่ค้าทางธุรกิจ

ประโยชน์ของการจัดการสิ่งแวดล้อมผ่านคู่ค้าทางธุรกิจ

การจัดการสิ่งแวดล้อมผ่านคู่ค้าทางธุรกิจนอกจากจะให้ประโยชน์โดยตรงแก่ผุ้ดำเนินการ คือ ซัพพลายเออร์และผู้ผลิตสินค้าแล้ว ยังให้ประโยชน์ต่อผู้บริโภคสินค้า และเอื้อประโยชน์ทางอ้อมแก่การใช้ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมของประเทศ ดังนี้

(1) การผลิตอย่างมีประสิทธิภาพและลดต้นทุนการผลิตและการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า
สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการลดต้นทุนการผลิต ที่เกิดจากการที่ค่าใช้จ่ายในการจัดการสิ่งแวดล้อมของผู้ผลิตลดลง โดยการร่วมมือกันปรับปรุงกระบวนการ ผลิตภัณฑ์ รวมทั้งการ ช่วยลดการใช้ทรัพยากรในกระบวนการผลิตเนื่องจากซัพพลายเออร์ต้องมีการจัดการ ใช้ทรัพยากรและพลังงานที่ใช้ในการป้องกันมลพิษอันเกิดจากกระบวนการผลิต เป็นการลดต้นทุนการผลิตซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญในการดำเนินธุรกิจ ส่งผลให้อุตสาหกรรมสามารถลดปริมาณของเสียในการใช้วัตถุดิบจากซัพพลายเออร์ ที่มีการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมแล้ว จะทำให้ผลิตภัณฑ์ของอุตสาหกรรมนั้น ๆ สามารถลดการใช้ทรัพยากรและมลพิษตลอดจนเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตให้แก่ อุตสาหกรรมได้อีกด้วย

(2) เพิ่มมูลค่าสินค้าให้แก่ผู้ซื้อและเพิ่มยอดขายให้แก่ผู้ผลิต เป็นการแสดงถึงความรับผิดชอบและการจัดการสิ่งแวดล้อมที่ดีของผู้ผลิตซึ่ง สามารถสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคในตัวสินค้าและบริการและยังช่วยเพิ่ม มูลค่าให้กับสินค้าที่มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนั้นยังช่วยส่งเสริมในการทำการค้าระหว่างประเทศให้กับผู้ผลิตสินค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำการค้ากับประเทศญี่ปุ่นและประชาคมยุโรปซึ่งเป็นกลุ่ม ผู้ซื้อที่ให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมาก ซึ่งจะช่วยให้ผู้ผลิตสามารถขยายตลาดและมียอดขายที่เพิ่มขึ้น

(3) สามารถจัดการความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม
การสร้างความร่วมมือในการจัดการสิ่งแวดล้อมระหว่างบริษัทผู้ซื้อสินค้าและซัพพลายเออร์ เป็นการปอ้งกันปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมของบริษัทคู่ค้า (ผู้ซื้อสินค้าและซัพพลายเออร์) ที่อาจจะเกิขึ้นในอนาคตแม้ว่า ยังไม่ได้มีการกำหนดเป็นมาตรการในการทำการค้าระหว่างประเทศ แต่การที่ผู้ผลิตมีการนำหลักการนี้ไปประยุกต์ใช้จะเป็นการเตรียมความพร้อมของผู้ผลิตสินค้า และสามารถเพิ่มความน่าเชื่อถือในการบริหารการจัดการสิ่งแวดล้อมที่ดีให้แก่ผู้ผลิตสินค้าต่อเวทีการค้าโลกได้

(4) เป็นการสร้างความร่วมมือระหว่างบริษัทผู้ซื้อสินค้าและซัพพลายเออร์
ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และคุณภาพของผลิตภัณฑ์ให้ดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนที่สามารถลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่อาจเกิดขึ้น จากกระบวนการผลิตสินค้า จากการใช้ผลิตภัณฑ์ และผู้บริโภคได้ใช้สินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

(5) ปกป้องชื่อเสียงและสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อตราสัญลักษณ์สินค้าของบริษัท
เนื่องจากการดำเนินการจัดการสิ่งแวดล้อมผ่านคู่ค้าทางธุรกิจจะช่วยเสริมภาพ พจน์ที่ดีด้านสิ่งแวดล้อมให้แก่ธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการได้รับการรับรองมาตรฐานการจัดการสิ่งแวดล้ม ISO 14001 หรือการได้รับการรับรองสินค้า(ฉลากเขียว)  ยังก่อให้เกิดกลุ่มลูกค้าที่มีความภักดีกับตราสัญลักษณ์ของสินค้าเนื่องจาก ความไว้วางใจในคุณภาพและความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

วิธีการประยุกต์ใช้หลักการ

การสร้างความเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับบริษัทคู่ค้าของตน

การระบุคุณลักษณะ (สเปค) ของผลิตภัณฑ์และการจัดซื้อที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

การกำหนดมาตรฐาน หลักเกณฑ์ หรือระบบการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อให้ ซัพพลายเออร์ปฏิบัติตาม

การประเมินและให้การรับรองแก่ซัพพลายเออร์

การให้ความช่วยเหลือแก่ซัพพลายเออร์

กลยุทธ์ด้านการให้บริการโดยซัพพลายเออร์

 

1.  การสร้างความเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับบริษัทคู่ค้าของตน
 ประโยชน์จากการร่วมมือกันปรับปรุงการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม

(1) ทำให้เกิดประสิทธิภาพการดำเนินงานสูงสุดและช่วยลดการเกิดของเสียให้น้อยที่สุด เพราะในการดำเนินการปรับปรุงการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมที่ดีต้องเริ่มตั้งแต่ขั้นตอนการวางแผน การออกแบบผลิตภัณฑ์ และการจัดหาวัตถุดิบ ซึ่งในส่วนนี้ซัพพลายเออร์ย่อมรู้จักผลิตภัณฑ์ของตนมากกว่าบริษัทผู้ซื้อ หากซัพพลายเออร์สามารถปรับปรุงผลิตภํณฑ์ของตนให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น ก็จะยิ่งส่งเสริมนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมของบริษัทผู้ซื้อได้มากยิ่งขึ้น

(2) ทั้งสองฝ่ายต่างได้รับประโยชน์และต่างช่วยประหยัดต้นทุนการผลิตของตนเพราะ การที่ซัพพลายเออร์มีการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพมายิ่งขึ้น แสดงว่ามีผลผลิตมากยิ่งขึ้นในขณะที่ต้นทุนการผลิตต่อหน่วยผลิตภัณฑ์ลดลง ทำให้บริษัทผู้ซื้อสามารถซื้อวัสดุอุปกรณ์หรือวัตถุดิบในการผลิตที่มีราคา ถูกลง

(3) เป็นการกระชับความสัมพันธ์ของซัพพลายเออร์และบริษัทผู้ซื้อให้แนบแน่นยิ่งขึ้น

(4) ในการออกแบบผลิตภัณฑ์และการบวนการผลิตให้มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ต้องการมุมมองหลาย ๆ มุมจากบุคคลในสาขาอาชีพต่าง ช่วยในกระบวนการนี้ ซึ่งย่อมดีกว่าใช้บุคคลเพียงคนเดียวทำงาน

 ตัวอย่างของการสร้างความเป็นพัธมิตร             

(1) โครงการความร่วมมือในการออกแบบผลิตภัณฑ์และกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
(2) การแบ่งปันหรือให้เครื่องมือเพื่อช่วยให้ซัพพลายเออร์เกดการปรับปรุงด้านสิ่งแวดล้อม
(3) ร่วมมือกันทำวิจัยเรื่องการหาวัตถุดิบ ผลิตภัณฑ์ อุปกรณ์ และการบวนการอื่น ๆ ที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมตลอดวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ น้อยกว่าเดิม
(4) การให้ซัพพลายเออร์ช่วยจัดการสินค้าคงคลัง (inventory) เช่น สารเคมีอุปกรณ์ทำความสะอาด อุปกรณ์ในห้องทดลอง เครื่องใช้ในสำนักงาน ฯลฯ
(5) วางแนวทางในการรับสินค้าหรือบรรจุภัณฑ์ที่ไม่ใช้แล้วกลับคืนมาและนำมาแปรรูปกลับไปใช้ใหม่ หรือนำกับไปปรับปรุงใหม่เพื่อใช้ซ้ำ (refurbish

 สิ่งที่ควรดำเนินการ

(1) ให้บริษัทซัพพลายเออร์เข้ามามีส่วนร่วมหรือมอบหมายงานแต่เนิ่น ๆ เพื่อจะช่วยในการพัฒนาสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้มากยิ่งขึ้น

(2) จัดลำดับความสำคัญของโอกาสในการปรับปรุงที่ซัพพลายเออร์สามารถเข้าไปช่วยแก้ปัญหาให้ได้โดยการ
• รวบรวมทีมงานที่มีบุคลากรมาจากหลายสาขาชีพ ได้แก่ จากฝ่ายบริหาร ฝ่ายออกแบบ ฝ่ายการผลิต ฝ่ายจัดซื้อ ฝ่ายบริหารจัดการของเสีย อื่น ๆ มาเป็นทีมงานเพื่อระดมความคิดเห็นหาวิธีการปรับปรุงผลิตภัณฑ์และการบวนการ ผลิต
• ประเมินผลกระทบตลอดวงจรชีวิตทั้งของผลิตภัณฑ์ของบริษัทและของซัพพลายเออร์
• ประเมินการปฏิบัติงานในฝ่ายการผลิต ในสำนักงาน ฝ่ายสินค้าคงคลัง และฝ่ายอื่น ๆ โดยใช้ระบบการจัดการ เป้าหมาย หรือนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมมาช่วยในการตัดสินใจว่ามีการปฏิบัติงานในสาขาใด บ้างที่จำเป็นต้องปรับปรุง
• ขอคำแนะนำจากซัพพลายเออร์

(3) จัดลำดับความสำคัญของโอกาสในการปรับปรุงที่ได้บ่งชี้ไว้ในข้อ (2) และกำหนดแผนปฏิบัติงานเพื่อดำเนินการปรับปรุงต่อไป โดยอาจทำได้ด้วยวิธีใดวิธีหนึ่งต่อไปนี้
• เริ่มในจุดที่เป็นต้นเหตุของการสูญเสียเงินมากที่สุด
• ให้ความสำคัญต่อผลิตภัณฑ์หรือกระบวนการที่ก่อให้เกิดมลพิษหรือทำให้เกิด ปริมาณของเสียมากที่สุด
• เน้นการปฏิบัติงานที่พนักงานในองค์กรของบริษัทผู้ซื้อไม่มีความถนัดหรือเวลา ที่จะแก้ปัญหาได้ เช่น การจัดการสารเคมีคงคลัง, just-in-time inventory บรรจุภัณฑ์ที่นำกลับมาใช้ซ้ำได้ การใช้สารละลายตัวอื่นที่เป็นพิษน้อยกว่า การลดการใช้พลังงาน การนำเศษเหลือทิ้งมาเผาเพื่อให้ได้พลังงานกลับใช้หรือนำไปปรับปรุงเพื่อเอา กลับมาใช้ใหม่
• เริ่มดำเนินการร่วมกับซัพพลายเออร์ 1-2 รายที่มีชื่อเสียงในเรื่องการให้สินค้าและบริการที่มีคุณภาพ ที่แสดงความสนใจหรือมีการริเริ่มการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม หรือที่มีการติดต่อกันทางธุรกิจกับบริษัทมายาวนาน

(4) จัดหาซัพพลายเออร์ที่เต็มใจจะช่วยให้ลูกค้าของตนสามารถบรรลุผลการดำเนินงานตาม
เป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อม
หากท่านเป็นผู้ที่ใช้คู่ค้าในเรื่องภาชนะบรรจุ ให้ท่านค้นหาบริษัทซัพพลายเออร์ก๊าซรายใหม่ที่รองรับถังก๊าซเปล่ากลับไปใช้ใหม่ได้ แทนซัพพลายเออร์เก่าซึ่งปฏิเสธที่จะทำ
หรือร่วมมือกับบริษัทผู้ผลิตกระป๋องอลูมิเนียมหาทางลดความหนาของประป๋อง และเส้นผ่านศูนย์กลางของฝาปิด ซึ่งผลที่ได้รับคือสามารถลดน้ำหนักของกระป๋องอลูมิเนียมได้ และทำการเปลี่ยนแปลงรูปแบบของกระป๋องอลูมินียมไปทั่ว ทั้งวงการอุตสาหกรรมเป็นต้น

(5) หากเป็นไปได้ ควรจัดทำเงื่อนไขและข้อตกลงการเป็นพันธมิตรกันระหว่างบริษัทผู้ซื้อและซัพพลายเออร์ โดยควรพิจารณาว่า
• หากร่วมมือกันเพื่อเป็นการประหยัดต้นทุน เงินที่ได้กลับคืนมาจะเพียงพอสำหรับผู้เกี่ยวข้องแต่ละฝ่ายหรือไม่
• จำเป็นหรือไม่ที่จะต้องจ่ายเงินสำหรับการเข้ามามีส่วนร่วมหรือบริการเพิ่มเติมของซัพพลายเออร์
• จำเป็นที่จะต้องทำให้เป็นข้อตกลงอย่างเป็นทางการหรือไม่ หรือทำเพียงข้อตกลงอย่างไม่เป็นทางการ  

(6)ทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงหรือหาบุคลากรจากบริษัทอื่นมาช่วยเป็นพี่เลี้ยงให้กับซัพพลายเออร์เพื่อช่วยในการดำเนินการด้านสิ่งแวดล้อม เช่น บริษัทจะทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงให้กับซัพพลายเออร์ในเรื่องสิ่งแวดล้อมและเรื่องการจัดการธุรกิจด้านอื่น ซึ่งจะรวบรวมแบบตอบรับหรือข้อมูลที่ได้จากซัพพลายเออร์หลัก ๆ เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการปรับปรุงโครงการด้านสิ่งแวดล้อมของบริษัท

(7) จูงใจคู่ค้าที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทานของธุรกิจทั้งที่เป็นซัพพลายเออร์ และที่เป็นลูกค้า โดยใช้แนวคิด ข้อเสนอ และโครงการริเริ่มด้านการลดของเสีย เช่นสร้างความเชื่อมั่นให้หนึ่งในลูกค้ารายใหญ่ที่สุดให้เริ่มใช้ระบบบรรจุภัณฑ์ที่สามารถนำไปรีไซเคิลได้ โดยอาศัยข้อมูลและความพยายาม

2 การระบุคุณลักษณะ (สเปค) ของผลิตภัณฑ์และการจัดซื้อที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

 บริษัทผู้ซื้อสามารถใช้อำนาจการซื้อที่มีอยู่เป็นตัวช่วยจูงใจและส่งเสริมให้เกิดตลาดสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยการระบุสเปคของผลิตภัณฑ์ที่ต้องการจัดซื้อซึ่งมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่าเมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์ชนิดเดียวกัน ทั้งนี้ เพื่อเป็นการกระตุ้นให้ผู้ผลิตใช้วัตถุดิบและกระบวนการผลิตที่สะอาด ลดการใช้น้ำและพลังงาน ลดของเสียให้น้อยที่สุด มีการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผลิตสินค้าที่มีความเป็นพิษน้อยลง หรือลดการปล่อยมลพิษ เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม วิธีนี้ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัวเนื่องจากนโยบายเรื่องการจัดซื้อที่เป็นมิตร ต่อสิ่งแวดล้อมหรือการระบุสเปคผลิตภัณฑ์นี้สามารถทำได้ตั้งแต่แบบธรรมดา เช่น การจำกัดการใช้สารบางชนิดในกระบวนการผลิตหรือที่เป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์ จนถึงนโยบายการจัดซื้อและสเปคผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมผลิตภัณฑ์ทุกรายการและ ซัพพลายเออร์ทุกราย การดำเนินการจัดการสิ่งแวดล้อมผ่านคู่ค้าทางธุรกิจด้วยวิธีการระบุสเปคของ ผลิตภัณฑ์และการจัดซื้อที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สามารถทำได้ดังนี้

[1} พัฒนานโยบายการจัดซื้อและสร้างสเปคของผลิตภัณฑ์ โดย

  • ตัดสินใจว่าจะนำมาตรฐานรับรองฉลากสิ่งแวดล้อมที่มีอยู่ เช่น ฉลากเขียวมาใช้หรือพัฒนามาตรฐานผลิตภัณฑ์ขึ้นมาใหม่

  • ตัดสินใจว่าจะประยุกต์ใช้หลักเกณฑ์ที่กำหนดสำหรับการปฏิบัติงานและการดำเนินงาน ด้วยหรือไม่

  • ตัดสินว่าควรจะประยุกต์ใช้หลักเกณฑ์นี้กับผลิตภัณฑ์ทุกรายการและซัพพลายเออร์ทุกรายหรือไม่หรือจะใช้วิธีอื่น เช่น ใช้มาตรฐานที่ต่างกันสำหรับผลิตภัณฑ์ที่ต่างชนิดกัน อาทิ เครื่องใช้สำนักงานจะมีสเปคของผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างจากสเปคของวัตถุดิบหรืออุปกรณ์อื่น หรืออาจให้สิทธิพิเศษกับผลิตภัณฑ์บางรายที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรือกำหนดว่าจะไม่ซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบหรือใช้สารบางประเภทในการผลิต หรือจะซื้อเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมตลอดวงจรชีวิตในระดับต่ำ เป็นต้น

(2) ให้ข้อมูลแก่ซัพพลายเออร์และผู้รับเหมาอย่างระมัดระวังเข้าใจได้ชัดเจน และสม่ำเสมอ เนื่องจากซัพพลายเออร์บางรายอาจไม่ยอมรับเงื่อนไขของบริษัทผู้ซื้อได้ทันที และยังอาจทำให้ ซัพพลายเออร์บางรายบอกเลิกไม่จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์หรือให้บริการกับบริษัท เนื่องจากเกิดความสับสนจากการที่มีหลัดเกณฑ์ด้านสิ่งแวดล้อมจากบริษัทผู้ซื้อหลายรายเกินไป

(3) เสนอให้ความช่วยเหลือและความรู้แก่ซัพพลายเออร์และผู้รับเหมาเพื่อให้สามารถทำตามข้อกำหนดที่บริษัทผู้ซื้อได้ตั้งไว้

(4) หาข้อสรุปสุดท้ายในการทำความตกลงกับคู่ค้าของตน เช่น ควรจะระบุสเปค ด้านสิ่งแวดล้อมที่ต้องการไว้ในสัญญาหรือไม่ หรือถือเป็นข้อตกลงที่ทำกันด้วยวาจาหรือในรูปแบบอื่นที่ไม่เป็นทางการมากนัก

(5) สร้างช่องทางสื่อสารแบบสองทางที่มีประสิทธิภาพระหว่างคู่ค้าทั้งสองฝ่าย ซึ่งอาจอยู่ในรูปของการขอข้อมูล การให้ความช่วยเหลือและความรู้ หรือการทำความรู้จักและเข้าใจถึงศักยภาพและรูปแบบการปฏิบัติงานของคู่ค้าของตน

(6) สร้างระบบการให้คะแนนหรือการประเมินซัพพลายเออร์ขึ้น เช่น ใช้ระบบการให้คะแนนด้านสิ่งแวดล้อมแก่ซัพพลายเออร์ของตนเพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์หรือบริการ

(7) พยายามสร้างความสัมพันธ์และข้อผูกพันระยะยาวกับซัพพลายเออร์ที่มีคุณสมบัติ ตามที่กำหนดและมีการดำเนินงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

3 การกำหนดมาตรฐาน หลักเกณฑ์ หรือระบบการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อให้ ซัพพลายเออร์ปฏิบัติตาม

 จากความพยายามให้มีการจัดการสิ่งแวด ล้อมผ่านคู่ค้าทางธุรกิจ ทำให้บริษัทผู้ซื้อบางรายตั้งความคาดหวังให้ซัพพลายเออร์มีมาตรฐานที่เท่า เทียมกับมาตรฐานภายในองค์กรของตน บางรายอาจตั้งเงื่อนไขให้ซัพพลายเออร์ดำเนินงานด้านระบบการจัดการสิ่งแวด ล้อม ISO 14001 หรือต้องการให้ได้รับการรับรองมาตรฐานอุตสาหกรรมด้านอื่น ๆ ซึ่งมีรูปแบบและมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมที่มีอยู่มากมาย ตั้งแต่ได้รับการรับรองฉลากสิ่งแวดล้อมในระดับประเทศจนถึงมาตรฐานสิ่งแวด ล้อมในระดับนาชาติ การดำเนินการด้วยวิธีการนี้ สามารถทำได้โดย

นำหลักเกณฑ์ มาตรฐาน หรือระบบการจัดการที่มีอยู่มาใช้ เช่น

  • ฉลากสิ่งแวดล้อม เช่น ฉลากเขียวของประเทศไทย EcoMark ของประเทศญี่ปุ่น

  • ระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม ISO 14001

  • การจัดทำรายงานของซัพพลายเออร์ตามรูปแบบของ Global Reporting Initiative

  • Balance Scorecard

  • การทวนสอบระบบการจัดการตามข้อกำหนดของกลุ่ม Responsible Care

หรืออาจทำการพัฒนาหลักเกณฑ์หรือมาตรฐานขึ้นมาใหม่ หรือนำหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้มาประยุกต์ใช้กับการปฏิบัติงานและการดำเนินงาน ของซัพพลายเออร์

ตัดสินว่าระบบการจัดการ มาตรฐาน หรือหลักเกณฑ์ด้านสิ่งแวดล้อมเรื่องใดควรจะนำมาใช้กับซัพพลายเออร์ประเภทใด เช่นการใช้มาตรฐานที่เข้มงวดเฉพาะกับซัพพลายเออร์บางราย

พัฒนารายการและแผนการให้การรับรองและการประเมินซัพพลายเออร์

สร้างความสะดวกแก่ซัพพลายเออร์ด้วยการแจ้งให้ทราบถึงมาตรการดำเนินการล่วงหน้า พร้อมแจ้งเหตุผลและเสนอให้ความช่วยเหลือ แรงจูงใจ และข้อยืดหยุ่นแก่ซัพพลายเออร์เช่น

  • อธิบายกับซัพพลายเออร์ถึงความสำคัญและเหตุผลที่ว่าเหตุใดจึงต้องทำตามหลักเกณฑ์ที่บริษัทผู้ซื้อตั้งไว้

  • บอกกล่าวซัพพลายเออร์ถึงตารางและข้อสัญญา รวมถึงวันเวลาที่จะต้องทำให้ได้ตามข้อกำหนดที่ตั้งไว้

  • สร้างแรงจูงใจ เช่น ข้อตกลงหรือข้อผูกพันในการจัดซื้อระยะยาว หรือ แรงจูงใจในเรื่องช่วยกันประหยัดต้นทุน

  • หากทราบว่ามีบริษัทผู้ซื้อรายอื่นของซัพพลายเออร์กำหนดเงื่อนไขด้านสิ่งแวด ล้อมเช่นกัน ควรจะเสนอให้มีโครงการความร่วมมือกับบริษัทผู้ซื้อนั้นเพื่อที่จะลดความซ้ำ ซ้อนในส่วนที่เป็นความรับผิดชอบของซัพพลายเออร์


    4 การตรวจประเมินและการให้การรับรองแก่ซัพพลายเออร์

    เมื่อบริษัทผู้ซื้อได้ตั้งข้อกำหนดหรือมาตรฐานต่าง ๆขึ้นก็ควรจะมีกลไก ในการให้การรับรองแก่ซัพพลายเออร์ว่ามีการดำเนินงานหรือมีผลิตภัณฑ์ที่สอด คล้องกับข้อกำหนดนั้น ๆ การดำเนินการประเมินซัพพลายเออร์เรื่องการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมและการ ดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมของธุรกิจสามารถกระทำได้ดังนี้

    [1] กำหนดวิธีการสอบทวนว่าซัพพลายเออร์และผู้รับเหมามีการดำเนินงานที่สอดคล้องกับข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อมหรือไม่ เช่น

    การขอเอกสารรับรองจากซัพพลายเออร์ ได้แก่ ใบอนุญาตหรือใบรับรองการได้ฉลากสิ่งแวดล้อม ระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม ISO 14001 หรือมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมอื่น ๆการให้ซัพพลายเออร์ประเมินตนเองหรือให้ตอบแบบประเมินด้านสิ่งแวดล้อมการตรวจประเมินในโรงงานของซัพพลายเออร์โดยบุคลากรของบริษัทผู้ซื้อการตรวจประเมินในโรงงานของซัพพลายเออร์โดยผู้ตรวจประเมินจากองค์กรกลางหรือ บริษัทที่ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับผลลัพธ์ที่ได้จากการประเมิน

    (2) กำหนดระดับความเข้มข้นของการตรวจประเมินซัพพลายเออร์แต่ละราย เช่น ทำการตรวจประเมินเฉพาะซัพพลายเออร์หลักหรือซัพพลายเออร์ที่สำคัญ ๆ เท่านั้น หรืออาจจะพัฒนาหลักเกณฑ์อื่น ๆ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการประเมินซัพพลายเออร์

    (3) พัฒนากำหนดการในการให้การรับรองหรือการประเมิน เช่น การตัดสินใจว่าจะเข้าทำการประเมินซัพพลายเออร์หรือผู้รับเหมาบ่อยแค่ไหน ได้แก่ การประเมินเบื้องตันเพียงหนึ่งครั้งหรือประเมินประจำทุกปี หรืออาจประเมินเท่าที่จำเป็นต้องทำ ซึ่งเป็นเรื่องที่ขึ้นอยู่กับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นหรือจะประเมินทุกครั้ง ที่มีสินค้าใหม่หรือสินค้าที่ปรับปรุงใหม่

    (4) กำหนดนโยบายและแผนงานสำหรับซัพพลายเออร์และผู้รับเหมาที่ไม่สามารถทำตามข้อกำหนดที่ตั้งไว้ได้ ซึ่งอาจเป็น

    เสนอการให้ความช่วยเหลือแก่บริษัทเหล่านี้เพื่อให้สามารถทำตามข้อกำหนดที่ตั้งไว้ได้ทีมที่ทำการประเมินอาจให้คำแนะนำและพัฒนารวมทั้งติดตามแผนการปรับปรุงที่ซัพพลายเออร์หรือผู้รับเหมาจัดทำไว้หาซัพพลายเออร์หรือผู้รับเหมารายใหม่

    5 การให้ความช่วยเหลือแก่ซัพพลายเออร์

    ซัพพลายเออร์และผู้รับเหมาหลายรายยินดีที่จะร่วมงานกับ บริษัทผู้ซื้อเป็นลูกค้าของตนเพื่อให้สามารถทำตามข้อกำหนดหรือมาตรฐานด้าน สิ่งแวดล้อมที่บริษัทผู้ซื้อตั้งไว้ เพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจร่วมกันต่อไปได้ ในทางกลับกัน การที่มีข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดหรือการที่ลูกค้าหลักแต่ละรายมี ข้อกำหนดของการจัดซื้อที่แตกต่างกันไป จะทำให้ไม่เกิดแรงจูงใจต่อซัพพลายเออร์หรือผู้รับเหมานั้น ๆ โดยเฉพาะซัพพลายเออร์ที่มีขนาดเล็กอาจไม่สามารถอุทิศทรัพยากรของตนที่มีอยู่ อย่างจำกัดมาใช้เพื่อดำเนินการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตามที่จำเป็นได้ ดังนั้น บริษัทผู้ซื้อควรพร้อมที่จะเข้าร่วมในกิจกรรมของซัพพลายเออร์อย่างกระตือรือ ล้น โดยการลงทุนด้านเวลา ทรัพยากร และความช่วยเหลืออื่น ๆ และสามารถดำเนินการได้ดังนี้

    [1] บริษัทผู้ซื้อควรแน่ใจว่าซัพพลายเออร์และผู้รับเหมาตระหนักถึงเงื่อนไขหรือข้อกำหนดที่ตั้งไว้เป็นอย่างดี รวมทั้งรู้ถึงกำหนดเส้นตายที่จะต้องปฏิบัติตาม ด้วยการ

    พัฒนาและจัดพิมพ์หลักเกณฑ์ด้านสิ่งแวดล้อมเอาใจเขามาใส่ใจเรา หมายถึงการพยายามเข้าใจซัพพลายเออร์ของตนว่าจะยอมรับและจำทำตามข้อกำหนดที่ตั้งไว้ได้อย่างไรแจ้งซัพพลายเออร์หรือผู้รับเหมาล่วงหน้าเพื่ออธิบายถึงความหวังที่มีต่อ ซัพพลายเออร์และผู้รับเหมาในเรื่องระดับของการเข้าร่วมข้อผูกพัน ระยะเวลา ประโยชน์ และผลตอบแทนชดเชย (หากเป็นไปได้)

    [2] เสนอให้ความช่วยเหลือและความรู้ด้านสิ่งแวดล้อม หรือจัดให้มีการฝึกอบรมเพื่อให้ซัพพลายเออร์สามารถทำได้ตามมาตรฐานด้านสิ่ง แวดล้อมที่บริษัทผู้ซื้อตั้งไว้ บริษัทผู้ซื้ออาจแบ่งบันความรู้ ทรัพยากร วิธีการที่บริษัทผู้ซื้อประสบความสำเร็จในการใช้ไปให้แก่ซัพพลายเออร์ หรือเสนอความช่วยเหลือในการเริ่มต้นหรือช่วงที่ทำการเปลี่ยนแปลงคุณลักษณะ ผลิตภัณฑ์ตามที่บริษัทผู้ซื้อต้องการหรือเสนอให้ความช่วยเหลือด้านค่าใช้ จ่ายในการปรับปรุง นอกจากนี้ ควรสร้างความสัมพันธ์ในรูปแบบพี่เลี้ยงหรือพี่ช่วยน้องระหว่างบริษัทผู้ซื้อ และซัพพลายเออร์

    (3) ดำเนินการประเมินและให้คำแนะนำแก่ซัพพลายเออร์ เช่น

    ทบทวนนโยบาย การปฏิบัติงาน และเครื่องมือเครื่องใช้ที่ซัพพลายเออร์และผู้รับเหมามีอยู่ จากนั้นให้คำแนะนำเรื่องโอกาสในการปรับปรุงและวิธีการที่จะช่วยให้สามารถทำตามข้อกำหนดได้ทำการทดสอบสินค้าหรือบริการที่ซื้อจากซัพพลายเออร์ ในกรณีที่เป็นการทดสอบสินค้า อาจต้องใช้ข้อมูลเพิ่มเติมจากซัพพลายเออร์สายลึกลงไปด้วยให้คำแนะนำแก่ซัพพลายเออร์ในการทำให้สินค้าหรือกระบวนการผลิตเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น

    (4) เสนอให้บริการด้านเทคนิคและวิธีการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ เช่น การสร้างระบบซัพพลายเออร์ เว็บไซต์ อีเมล์ สายด่วน และ/หรือวิธีการสื่อสารที่สะดวกและรวดเร็ววิธีอื่น เพื่อให้ความช่วยเหลือเท่าที่ได้รับการร้องขอและตอบคำถามซัพพลายเออร์เพื่อ ช่วยให้สามารถทำตามข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อมที่ตั้งไว้ได้

    [5] ให้ความรู้แก่ลูกค้าและกระตุ้นให้ช่วยสนับสนุนความพยายามของบริษัทผู้ซื้อ เช่น ให้ข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อมของผลิตภัณฑ์ของตนแก่ลูกค้า เพื่อให้เกดความตระหนักและมีจิตสำนึกในการช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะทำให้เกิดการเรียกร้องจากลูกค้าในอีกทางหนึ่งไปยังซัพพลายเออร์ได้

    6 กลยุทธ์ด้านการให้บริการโดยซัพพลายเออร์

    การให้ซัพพลายเออร์หรือผู้รับเหมาทำหน้าที่รับผิดชอบในการจัดการสินค้าคง คลัง วัตถุดิบของเสีย หรือการบริการในโรงงาน จะเป็นการผูกมัดให้ซัพพลายเออร์หรือผู้รับเหมาต้องมีการดำเนินงานที่เป็น มิตรต่อสิ่งแวดล้อมในธุรกรรมของบริษัทผู้ซื้อตามที่ได้รับมอบหมาย โดยปกติแล้วซัพพลายเออร์จะเป็นผู้ที่มีความรู้ในส่วนนี้มากกว่าบริษัทผู้ ซื้อ และสามารถดำเนินงานและจัดการผลิตภัณฑ์หรือบริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ มากกว่า ซึ่งจะช่วยให้บริษัทผู้ซื้อสามารถโยกย้ายพนักงานให้ไปปฏิบัติงานในกิจกรรม หลักๆ ของบริษัทได้ ตัวอย่างของการให้บริการของซัพพลายเออร์ในเรื่องนี้ ได้แก่

    • การจัดการสารเคมีและเครื่องมือเครื่องใช้อื่น ๆ ในโรงงาน รวมไปถึงบริการจัดส่งเก็บกักสินค้าและวัตถุดิบ การตรวจติดตาม และการจัดการข้อมูล
    • กระบวนการจัดส่งเศษเหลือทิ้ง บรรจุภัณฑ์ที่ใช้แล้ว หรือผลิตภัณฑ์ของซัพพลายเออร์ที่สามารถนำกลับมารีไซเคิลได้
    • การรับผิดของดูแลอุปกรณ์และสินค้าที่หมดอายุการใช้งานแล้ว
    • การจัดการด้านการให้บริการพลังงาน รวมถึงความพยายามที่จะใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ
    • การเช่าซื้อเครื่องใช้หรือเฟอร์นิเจอร์สำนักงาน

    การดำเนินกลยุทธ์ด้านการให้บริการโดยซัพพลายเออร์สามารถทำได้ดังนี้

    (1) ประเมินกิจกรรมในแต่ละแผนกของบริษัททั้งหมดว่าจะมีแผนกใดที่ซัพพลายเออร์มีวิธีการจัดการที่มีประสิทธิภาพมากกว่า เช่น เครื่องใช้ในห้องทดลองและสารเคมี เครื่องใช้สำนักงานยานพาหนะและการซ่อมบำรุง การทำความสะอาดและเครื่องมือในการบำรุงรักษาอุปกรณ์ต่าง ๆ สต็อกวัตถุดิบ การจัดการเศษเหลือทิ้ง บรรจุภัณฑ์ หรือผลิตภัณฑ์ที่สามารถนำกลับมารีไซเคิลได้การจัดการด้านพลังงาน การบำรุงรักษาอุปกรณือิเล็กทรอนิกส์ในสำนักงาน เฟอร์นิเจอร์สำนักงานการให้บริการด้านเอกสารและอุปกรณ์ที่คล้ายกับ

    (2) จัดเรียงลำดับความสำคัญของรายการที่มีโอกาสในการปรับปรุงตามที่ได้ประเมินไว้ในข้อ (1) เริ่มที่กิจกรรมที่สิ้นเปลืองต้นทุนมากที่สุด ลำดับความสำคัญของประโยชน์ที่ได้รับทางด้านเศรษฐศาสตร์ การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างซัพพลายเออร์และลูกค้า โอกาสในการปรับปรุงประสิทธิภาพหรือด้านสิ่งแวดล้อมมากขึ้น และการดำเนินงานที่ง่าย ๆ ไม่ซับซ้อน

    (3) จัดแบ่งจุดประสงค์ที่มีเริ่มแรกออกเป็นข้อย่อย และนำมากำหนดเป็นร่างแผนการ เช่นการกำหนดความรับผิดชอบของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องแต่ละฝ่าย การสร้างข้อกำหนด เช่น การสื่อสารฝึกอบรม และความปลอดภัย ประมาณการและจัดทำหลักฐานเรื่องประโยชน์ที่ได้รับ เช่น ประโยชน์ด้านสิ่งแวดล้อม ร่วมกันประหยัดต้นทุนโดยการลดของเสียหรือความไม่มีประสิทธิภาพข้อได้เปรียบ ในเชิงแข่งขัน ธุรกิจที่ซัพพลายเออร์ต้องทำเพิ่ม

    (4) จัดการให้ซัพพลายเออร์เข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการตัดสินใจด้วย เช่น แนะนำจุดประสงค์และแผนการแรกเริ่ม การประเมินการยอมรับและความเต็มใจที่จะเข้ามามีส่วนร่วมในโครงการของซัพพลาย เออร์ การให้ซัพพลายเออร์เข้ามามีส่วนร่วมในการวางแผนขั้นสุดท้ายและเงื่อนไขการ ต่อรอง เช่น การร่วมกันประหยัดจะทำให้เงินที่เหลือเพียงพอสำหรับกลุ่มผู้เกี่ยวข้องแต่ละ รายหรือไม่ จะต้องจ่ายค่าใช้จ่ายสำหรับบริการเพิ่มเติมหรือการเข้าร่วมโครงการของ ซัพพลายเออร์หรือไม่ การทำข้อตกลงควรทำอย่างไม่เป็นทางการหรืออย่างเป็นทางการ

    (5) สรุปข้อตกและดำเนินการปรับปรุงร่วมกับซัพพลายเออร์ เช่น
    • ให้มีความยืดหยุ่น ได้แก่ โครงการให้เช่าเครื่องถ่ายเอกสารสำหรับอุปกรณ์สำนักงานในระยะแรกเกิดขึ้น เพื่อใช้เป็นเครื่องมือทางการตลาดอย่างหนึ่ง แต่ปัจจุบันกลายมาเป็นโครงการด้านสิ่งแวดล้อม เพราะเป็นการนำวัสดุและส่วนประกอบรวมถึงผงหมึกของเครื่องถ่ายเอกสารกลับมา ใช้ซ้ำหรือนำมา (recovery) เป็นเชื้อเพลิงสำหรับพลังงาน
    • การประเมินซ้ำอีกครั้ง ซึ่งจะทำให้เกดการเปลี่ยนแปลงข้อตกลงในการทำงานร่วมกัน เรื่องจากบริษัทผู้ซื้อและซัพพลายเออร์ร่วมกันพัฒนาแนวปฏิบัติที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิม

บทความใกล้เคียง

Online

มี 32 ผู้มาเยือน และ 2 สมาชิก ออนไลน์