On Job Training
- รายละเอียด
-
ฮิต: 15150
การอบรมแบบที่เรียกว่า OJT เป็นวิธีการอบรมที่สำคัญมากๆสำหรับบริษัท และสำคัญมากๆในการปฏิบัติตามมาตรฐาน ISO9001
การอบรมแบบ OJT มีกี่แบบ
การอบรมแบบ OJT แบ่งแยกได้เพียงสองแบบคือ
1. อบรม OJT แบบมีแบบแผน (Planned OJT) หรือมีโครงสร้าง (Structured OJT) หรือ เป็นทางการ (Formal OJT) มีลักษณะดังนี้
- กำหนดผู้รับผิดชอบให้ใครทำหน้าที่เป็นผู้ฝึกสอน
- ผู้ฝึกสอนจะต้องประเมินหรือถูกฝึกอบรมให้มีความพร้อมในการสอนงานก่อน
- มีการวางแผนการสอนงาน ทั้งเนื้อหา ขั้นตอน แผนงานและการประเมินผล
- ลำดับขั้นตอนตามแผนการสอน และระบุขั้นตอนสำคัญที่ต้องย้ำเน้น
- มีการประเมินผลด้วยหลักเกณฑ์ที่ชัดเจน และจัดเก็บเป็นบันทึก
- รูปแบบ เนื้อหา วิธีการปฏิบัติและบันทึกที่ใช้ในการสอนงานถูกจัดเก็บและทบทวนตามความเหมาะสม
2. อบรม OJT แบบไม่มี่การวางแผน (Unplanned OJT) หรือไม่มีโครงสร้าง (Unstructured OJT) หรือ ไม่เป็นทางการ (Informal OJT) มีลักษณะดังนี้
- โดยมากจะไม่มีการกำหนดให้ใครทำหน้าที่เป็นผู้ฝึกสอนชัดเจน ใครว่างก็สอน เป็นต้น
- ผู้ฝึกสอนมักจะคัดเลือกจากพนักงานเก่าที่มีประสบการณ์และทำงานมานาน
- ไม่มีการวางแผนล่วงหน้า และไม่มีบันทึกของผลการประเมินฝึกอบรมที่ชัดเจน
- เนื่องจากไม่ได้วางแผนการสอน จึงมักไม่เรียงลำดับขั้นตอนการสอน
- ใช้ประสบการณ์และให้ลองทำดู ตัดสินใจบนพื้นฐานของความรู้สึกของผู้ฝึกสอน
- โดยมาก การทบทวนรูปแบบ เนื้อหา วิธีการปฏิบัติงานของการสอนงานจะดำเนินการตามความรู้สึก หรือความสามารถของผู้ฝึกสอนที่ไม่ซ้ำกัน
อบรม OJT แบบไหนดี
ไม่น่าถาม
การทำอะไรตามยถากรรมกับ การทำแบบมีแบบแผนย่อมมีผลลัพธ์ไม่เหมือนกัน
อะไรที่ทำแบบตามยถากรรม มักตรงข้ามกับสิ่งที่เรียกว่าบริหารจัดการ
การทำ OJT ของทุกๆองค์กรที่ทำมักเป็นลักษณะที่ไม่เป็นทางการ เช่น หัวหน้างานสอนงานลูกน้องในหน่วยงานของตนเอง, การถ่ายทอดงานระหว่างเพื่อนร่วมกัน, แบบครูพักลักจำ หน่วยงานไหนได้หัวหน้างานดีก็ดี หัวหน้างานนั้นลาออกบริษัทก็แย่ไป
เมื่อไรเราจึงจะต้องทำ OJT
- เมื่อมีพนักงานใหม่เข้ามาเริ่มทำงานร่วมกับองค์กร
- เมื่อมีพนักงานเก่าถูกปรับย้ายไปสู่ตำแหน่งใหม่
- เมื่อเป้าหมายสมรรถนะต่างๆที่กำหนด ไม่บรรลุ
- เมื่อพนักงานขาดความรู้ / ทักษะ / ความสามารถในตำแหน่งงานเดิม
- เมื่อลักษณะงานหรือความรับผิดชอบในงาน เพิ่มหรือเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
- เมื่อองค์กรต้องการเก่งขึ้น ดีขึ้น ต้นทุนลดลง(ก็เลยต้องทำให้คนในองค์กรเก่งขึ้น ดีขึ้น คนสามารถทำงานได้เร็วขึ้น ทำได้หลายๆอย่าง ทดแทนสับเปลี่ยนกันได้)
- เมื่อเทคโนโลยีของงานที่รับผิดชอบถูกปรับเปลี่ยนให้แตกต่างไปจากเดิม เช่น มีเครื่องจักรใหม่, เทคนิคใหม่ ฯลฯ