การทำการตรวจติดตามภายใน เป็นข้อกำหนดบังคับของเกือบทุกๆมาตรฐานที่เป็นเรื่องของการบริหารจัดการ แต่
ทำไมเราถึงรู้สึกไม่ได้ประโยชน์จากข้อกำหนดข้อนี้ ทำไมใครๆก็ไม่ชอบ ทำไมผู้บริหารจึงไม่สนใจ ทำไมใครๆก็ทำหน้าเบื่อ ทำไมการตรวจติดตามภายในจึง เป็นเรื่องลึกลับซับซ้อน ไร้สาระ ไม่มีประโยชน์กับบริษัทท่าน .... ข้อกำหนดไม่ดี หรือเราไม่เข้าใจข้อกำหนด ??
การปรับปรุงสมรรถนะด้านคุณภาพเป็นเรื่องใหญ่เพื่อความสามารถในการแข่งขัน องค์กรที่มีความสามารถในการแข่งขันสูงต้องสามารถทำการระบุสถานะ/สมรรถนะปัจจุบันได้ มี กรอบกลยุทธ์ที่ไปพร้อมกับการดำเนินการ และรวมถึงมีกระบวนการในการปรับปรุงสมรรถนะคุณภาพ การตรวจประเมินเป็นเครื่องมือหนึ่งที่นิยมในการระบุสมรรถนะปัจจุบัน และวางแผนการปรับปรุงนี้
ด้วยเหตุผลข้างต้น การตรวจติดตามจึงควรเน้นที่การปรับปรุงองค์กร เช่น คุณภาพผลิตภัณฑ์ การลดการสูญเสีย ปรับปรุงต้นทุน เพิ่มความสามารถในการส่งมอบ
แต่ไม่ว่าอย่างไรเรามักไม่ใช้การตรวจติดตามภายในเพื่อให้เกิดสิ่งนี้ขึ้น เรามักตรวจติดตามระบบโดยใช้ข้อกำหนดมาตรฐาน ISO9001 เป็นหลักมากกว่า ใช้ข้อกำหนดของกระบวนการที่จำเป็นในการก่อให้เกิดผลิตภัณฑ์ในการตรวจประเมิน
ถามว่าทำไม ไม่ยาก เพราะเราคิดว่าทำอย่างที่ผู้ตรวจประเมินภายนอกมาตรวจเรา เป็นสิ่งดี ทั้งที่ไม่ใช่เลย
ก่อนอื่นเรามาดูข้อกำหนดในเรื่อง การทำการตรวจติดตามภายในกันดีกว่า ข้อกำหนดบอกเราอย่างนี้
เขียนให้อยู๋ในรูปแบบง่ายๆคือ
องค์กรต้องจัดให้มีการตรวจติดตามภายใน
1 เพื่อพิจารณาว่าระบบบริหารคุณภาพ เป็นไปตาม แผนที่วางไว้ (ดู 7.1)
2 เพื่อพิจารณาว่าระบบบริหารคุณภาพ เป็นไปตาม ข้อกำหนดในมาตรฐานสากลฉบับนี้
3 เพื่อพิจารณาว่าระบบบริหารคุณภาพ เป็นไปตาม ข้อกำหนดของระบบบริหารคุณภาพที่จัดทำโดยองค์กร
4 เพื่อพิจารณาว่าระบบบริหารคุณภาพ ได้มีการนำไปปฏิบัติ อย่างมีประสิทธิผล
5 เพื่อพิจารณาว่าระบบบริหารคุณภาพ ได้มีธำรงรักษา อย่างมีประสิทธิผล
หากทำเป็นแผนภาพ ท่านจะได้ flow หลักการของการตรวจติดตามภายในดังนี้
จากแผนภาพ ท่านจะเห็นได้ว่าภารกิจหนึ่งในสามที่สำคัญคือ “ พิจารณาว่าระบบบริหารคุณภาพ เป็นไปตาม แผนที่วางไว้ (ดู 7.1) “ และสิ่งนี้มักหายไป หรือ loss focus ในการตรวจติดตามภายใน !! ทั้งที่การตรวจติดตามเรื่องนี้เป็นสิ่งที่สำคัญกับบริษัทเป็นอย่างยิ่ง เพื่อให้มั่นใจว่าเราสามารถส่งมอบผลิตภัณฑ์ตามข้อกำหนด
การ พิจารณาว่าระบบบริหารคุณภาพ เป็นไปตาม แผนที่วางไว้ (ดู 7.1) นั้นต่างกับ การวางแผนระบบบริหารคุณภาพตามข้อกำหนด 5.4.2
ข้อ 7.1 นั้นสำคัญเพราะเกี่ยวข้องกับกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการก่อให้เกิด ผลิตภัณฑ์โดยตรง แต่ข้อ 5.4.2 จะเป็นเรื่องของกระบวนการทั้งหมดในองค์กร
คุณสงสัยใหม ว่าทำไม ISO จึงเน้นไปทีึ่การสอดคล้องตามแผนที่วางไว้ (ดู 7.1 ?? ตอบไม่ยากเลย เพราะระบบบริหารจัดการคุณภาพ ต้องสามารถทำให้องค์กรส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่เป็นไปตามข้อกำหนดให้กับลูกค้าของตนได้อย่างสม่ำเสมอ จึงต้องได้รับการตรวจประเมินภายในอย่างเข้มงวด
การที่มาตรฐาน ISO9001 กำหนดว่า องค์กรต้องจัดให้มีการตรวจติดตามภายใน เพื่อพิจารณาว่าระบบบริหารคุณภาพ เป็นไปตามแผนที่วางไว้ (ดู 7.1) เป็นสำคัญ
ที่เป็นเช่นนี้เพราะว่า ระบบ QMS มีเป้าหมายว่าเพื่อให้มั่นใจได้ว่ากระบวนการผลิตซึ่งมีผลกระทบต่อคุณภาพ ผลิตภัณฑ์ การสอดคล้องกับข้อกำหนดผลิตภัณฑ์โดยตรง มีความเพียงพอเหมาะสมในการรองรับปัญหาที่เกิดขึ้น มีการกระทำที่สอดคล้องและมีการดำเนินการจริงตามที่ได้มีการกำหนดไว้ การตรวจติดตามภายในต้องสามารถตรวจสอบและควบคุมเรื่องนี้
ในบทความนี้ เราจะกล่าวถึง ข้อกำหนด ISO 9001, ข้อ 8.2.2 ที่ให้เราทำการตรวจติดตามภายใน “เพื่อพิจารณาว่าระบบบริหารคุณภาพ เป็นไปตามแผนที่วางไว้ (ดู 7.1) “ เท่านั้น
เรื่องนี้สำคัญ เพราะ บริษัทเรามีไว้เพื่อทำการผลิตและส่ง มอบผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับข้อกำหนด บริษัทจะมีกำไรขาดทุน อยู่ที่กระบวนการพวกนี้ บริษัทจะอยู่รอดและธำรงรักษาความสามารถในการแข่งขันได้ขึ้นอยู่กับความเข้ม แข็งของกระบวนการเหล่านี้ ลูกค้าท่านจะอยู่จะไปขึ้นอยู่กับกระบวนการเหล่านี้ ท่านจะโดนไล่ออก เงินเดือนจะมากน้อย จะมีโบนัสไม่มีโบนัส ก็อยู่ที่ความเข้มแข็งของกระบวนการเหล่านี้
การตรวจติดตาม เพื่อพิจารณา ว่าระบบบริหารคุณภาพ เป็นไปตามแผนที่วางไว้ (ดู 7.1) จึงเป็นเรื่องสำคัญที่สุด ของการตรวจติดตามภายใน และน่าจะสำคัญมากกว่าอีกสองประเด็นคือ “ การพิจารณาว่าระบบบริหารคุณภาพสอดคล้องกับข้อกำหนดของมาตรฐาน ISO9001/ข้อกำหนดของระบบ QMS ที่องค์กรกำหนดเอง” ครับ (ท่านสามารถดูได้จากวัตถุประสงค์ของการนำมาตรฐาน ISO9001 ไปปฏิบัติใช้ (ข้อ1.0))
ประเด็นอยู่ที่ คุณได้ทำการตรวจประเมินโดยเน้น การ “เพื่อพิจารณาว่าระบบบริหารคุณภาพ เป็นไปตามแผนที่วางไว้ (ดู 7.1) “ มากหรือน้อยแค่ไหน
หากเน้นมาก แต่ check list คุณ มีแต่หัวข้อกำหนด ISO9001 ในรายการตรวจสอบ การที่ checklist มีแต่ข้อกำหนด ISO9001 ในรายการตรวจสอบ แปลว่าเรากำลังตรวจติดตามระบบโดยเน้นการ “ พิจารณาว่าระบบบริหารคุณภาพ เป็นไปตาม ข้อกำหนดในมาตรฐานสากล ISO9001 “ ครับ
ตามข้อ 7.1 กำหนดว่า “องค์กรต้องวางแผนและพัฒนา กระบวนการที่จำเป็นในการก่อให้เกิดผลิตภัณฑ์ “
กระบวนการในการก่อให้เกิดผลิตภัณฑ์ คือ กระบวนการหรือกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่รับ order จนถึงส่งมอบ ซึ่งหมายความว่ารวมถึงกระบวนการ ในการทบทวนข้อตกลง จัดซื้อ ออกแบบ วางแผน ผลิต เทคนิค ตรวจสอบ ส่งมอบ …
คือกระบวนการที่ไม่มีไม่ได้ ไม่ดีไม่ได้
คือเป็นกระบวนการที่ไม่ได้เรียกชื่อ ว่า support process
คือเป็นกระบวนการที่ หากกระบวนการนี้ไม่ดี ส่งผลกระทบต่อความสามารถขององค์กร ส่งผลกระทบต่อการสอดคล้องข้อกำหนดผลิตภัณฑื ข้อกำหนดลูกค้าโดยตรง ซึ่งแล้วแต่ธรรมชาติและความซับซ้อนของการผลิต
แต่ละองค์กร มีหัวใจในการดำเนินการ ควบคุมกระบวนการ ที่ต่างกัน วิธีการ เอกสารมาตรฐานการปฏิบัติ เครื่องไม้ เครื่องมือ เครื่องจักร การปรับตั้งเครื่องจักร วิธีการทดสอบ ตรวจสอบ วิธีการบรรจุ ก็ต่างกัน ในการทำให้องค์กรสามารถทำการส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่เป็นไปตามข้อกำหนดผลิตภัณฑ์ ได้ ผู้ตรวจประเมินจำเป็นตอ้งมองในแง่ความเสี่ยงและผลกระทบต่อข้อกำหนดผลิตภัณฑ์ ข้อกำหนดลูกค้า เป็นหลัก
ธรรมชาติและความซับซ้อน ขึ้นอยู่กับประเภทของการผลิต เช่น เป็นการผลิตแบบต่อเนื่องหรือผลิตตามสั่ง การผลิตแบบโครงการหรือผลิตแบบ mass production กระบวนการผลิตมีหลายๆขั้นตอนการผลิตกว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์หรือเป็นการผลิตที่ มีขั้นตอนน้อย
ประเภทแรกคือ กระบวนการที่มีการแปรผัน ปรับเปลี่ยน เสมอ ต่อความต้องการที่เปลี่ยนไปในแต่ละลูกค้า แต่ละ Order แต่ละข้อกำหนดผลิตภัณฑ์ อันนี้สำคัญเพราะ เราต้องทำให้มั่นใจว่า กระบวนการซึ่งมีผลกระทบต่อคุณภาพผลิตภัณฑ์ กระทบต่อการสอดคล้องกับข้อกำหนดผลิตภัณฑ์โดยตรงนี้ ได้รับการดูแล บริหารจัดการอย่างเพียงพอเหมาะสม
กระบวนการนี้เป็นกระบวนการที่เฉพาะเจาะจงสำหรับ ผลิตภัณฑ์ซึ่งได้ถูกจัดทำแต่ละผลิตภัณฑ์หรือกลุ่มผลิตภัณฑ์ บางองค์กรโดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับการผลิตชิ้นส่วนป้อน ยานยนต์และไฟฟ้าอีเลขโทรนิค เอกสารที่ได้จากการวางแผนการก่อให้เกิดผลิตภัณฑ์คือ แผนคุณภาพ(แผนควบคุม) และ แผนตรวจสอบทดสอบ ซึ่งมักอยู่ในรูปแบบที่เป็นตาราง ซึ่งรวมถึงขั้นตอนระเบียบปฏิบัติที่เฉพาะเจาะจงต่างๆ
บางที่ หาก focus ให้แคบในแง่ความสำคัญของกระบวนการหรือผลกระทบในการก่อให้เกิดผลิตภัณฑ์ กระบวนการประเภทนี้จะเป็นกระบวนการที่มักถูกเรียกว่า Manufacture process (ไม่ใช่ production process นะครับ แตกต่างกันครับ)
ประเภทที่สอง คือ กระบวนการที่จำเป็นแต่มักไม่ค่อยมีการเปลี่ยนแปลง เช่น การคัดเลือกผู้ส่งมอบ การซ่อมบำรุงทั่วไป กระบวนการก่อให้เกิดผลิตภัณฑ์ประเภทที่สองนี้ ต้องการความถี่และความเข้มงวด ในการตรวจประเมินที่น้อยกว่าประเภทแรก และมักเรียกชื่อกระบวนการพวกนี้ว่า Business process.
ผู้ตรวจที่ได้รับมอบหมายให้ทำการตรวจกระบวนการ ที่ก่อให้เกิดผลิตภัณฑ์ ต้องพิจารณาถึงประวัติการบรรลุ เป้าหมายและปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น ทั้งที่เกิดขึ้นในองค์กรและภายนอก เช่น
ผู้ตรวจที่ได้รับมอบหมาย ต้องใช้ข้อมูลข้างต้นเพื่อจัดเตรียม Checklist ว่าจะทำการตรวจประเด็นไหนบ้าง มีหลักฐานอะไรที่ต้องยืนยัน มีอะไรที่ต้องสอบถาม
กระบวนการที่มีความเสี่ยงสูง และ งานที่การทำงานของคนมีผลอย่างมากต่อผลลัพธ์ของกระบวนการ ต้องได้รับการจัดสรรเวลาและได้รับการตรวจติดตามอย่างเข้มงวด
ในการกำหนดวัตถุประสงค์การตรวจติดตาม และเกณฑ์ที่ใช้ในการตรวจประเมินประเภทนี้สำคัญเป็นอย่างยิ่ง
เพราะหากเราต้องการพิจารณาว่าระบบบริหารเป็นไปตาม ข้อกำหนดในมาตรฐานสากล ISO 9001 หรือไม่ ฉบับนี้ มุมมองการตรวจประเมิน การหาหลักฐานการสอดคล้องไม่สอดคล้อง ข้อกำหนด ISO9001 มาก่อน เวลาออก CARs ก็จะใช้ข้อกำหนด ISO 9001 เป็นหลัก ซึ่งแตกต่างจากการตรวจติดตามเพื่อหาการสอดคล้อง/ประสิทธิผล ของกระบวนการก่อให้เกิดผลิตภัณฑ์
วัตถุประสงค์ของการตรวจติดตาม ว่าเป็นไปตามแผนที่วางไว้หรือไม่ มีเป้าหมายในการยืนยันว่า การ บริหารและควบคุมการผลิตคือ การดำเนินการเพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพตามต้องการ ตรงตามเวลาที่กำหนด ภายใต้ต้นทุนต่ำสุด และรักษาความสม่ำเสมอของคุณภาพ
ด้วยเหตุผลนี้จึงต้องมีการตรวจประเมินองค์ ประกอบต่างๆในกระบวนการผลิต นำไปปฏิบัติ และ ควบคุมดูแลให้เป็นไปตามข้อกำหนดที่จำเป็น องค์ประกอบ ประกอบในที่นี้หมายถึง พนักงาน เครื่องมือ เครื่องจักร เอกสารประกอบการผลิต วัตถุดิบ วิธีการปฏิบัติ ต้องได้รับการควบคุมให้เป็นไปตามข้อกำหนด
จากวัตถุประสงค์การตรวจติดตามข้างต้นที่ระบุข้างต้น
ท่านคิดว่าเด็กๆทำได้หรือ
ท่านคิดว่าแค่ส่งคนๆหนึ่งไปอบรม หลักสูตรการตรวจติดตามภายใน แล้วจะสามารถมอบหมายให้ทำการตรวจติดตามเรื่องนี้ได้ ?
คนที่รับหน้าที่นี้ควรต้องมีความรู้ทักษะต่างๆ เช่น
ลืมบอกไป คนที่รับหน้าที่ในการตรวจกระบวนการก่อให้เกิดผลิตภัณฑ์นี้ อาจไม่ต้องรู้ข้อกำหนดISO 9001 ก็ได้ ไม่เกี่ยว เพราะเขาไม่ได้ตรวจความสอดคล้องกับข้อกำหนด ISO 9001 ไม่เกี่ยวหากคุณแยกตรวจ เรื่องนี้กลับเป็นคุณสมบัติรอง
การทำการตรวจติดตามเพื่อ“ พิจารณาว่าระบบบริหารคุณภาพ เป็นไปตาม แผนที่วางไว้ (ดู 7.1) “ ที่ดี อาจไม่สามารถกระทำโดยคนๆเดียว คุณทำเป็นทีมก็ได้ ไม่มีที่ใดห้ามซะหน่อยที่ไม่ให้ตรวจเป็นทีม
การตรวจติดตามเป็นทีมดี (หากคุณมีคนดีในบริษัทคุณหลายๆคน และแน่ใจว่าแต่ละคนไม่ใจคับใจแคบ แต่ละคนใส่เสื้อสีเดียวกัน ) ที่เป็นเช่นนี้เพราะระบบเชื่อมโยงกัน มีผลสืบเนื่องกัน จะหาใครที่มีคุณลักษณะครบถ้วนทั้งหมดทุกประการหายาก จะหาคนที่บ่งบอกว่าระบบไหน กิจกรรมไหน ดีเหมาะสม ตรงไหนต้องปรับปรุงให้ดีขึ้น ไม่ง่าย เพราะต้องมีคุณวุฒิคุณลักษณะ มี power พอ
ผู้บริหารในสายงานหลัก หรืออย่างน้อยต้องเป็นระดับหัวหน้างาน ถึงจะคู่ควรกับภาระที่มอบหมาย
ความถี่ปีละครั้ง หรือ 6 เดือนหน เหมือนการตรวจติดตามเพื่อพิจารณาความสอดคล้องกับข้อกำหนด ISO9001 ไม่เหมาะสมหรอก เราไม่ควรปล่อยปละละเลยบริษัเราขนาดนั้น
ทั้งนี้แล้วแต่ท่านว่าจะแบ่งระดับการตรวจสอบพื้นที่หน้างานกันอย่างไรแบ่งระดับตรวจกันอย่างไร แล้วแต่ธรรมชาติของการผลิตขององค์กรท่าน
จริงๆเราน่าจะถามว่าผู้จัดการของท่านได้เคย ตรวจสอบงานของลูกน้องหรือไม่ ว่าได้มีการกระทำตามข้อกำหนด กฏเกณฑ์ มาตรฐานงานหรือไม่ หากคำตอบคือไม่ แนะนำให้หาผู้จัดการใหม่ บางองค์กรผู้จัดการตรวจงานลูกน้องเป็นรายวัน บางองค์กรทำเป็นรายสัปดาห์ บางองค์กรทำเป็นรายเดือน มีส่วนคล้ายกันมากระหว่างผู้จัดการตรวจงานกับการตรวจติดตามเพื่อพิจารณาการ เป็นไปตามแผนที่ได้วางไว้
รูปแบบการตรวจเหมือนกับ business process ทั่วๆไป
คือต้องใช้หลักการของ process audit
ในระหว่างการตรวจ ผู้ตรวจต้องพยายามหาหลักฐาน เพื่อยืนยันว่า เอกสารที่จัดทำขึ้น มีความเพียงพอในการควบคุมกระบวนการผลิต เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์ให้กับลูกค้า มีความเพียงพอ เหมาะสม ต่อการจัดการกับปัญหาคุณภาพผลิตภัณฑ์ที่เกิดขึ้น
คำว่าเหมาะสม แปลว่า มีความเพียงพอในการควบคุมกระบวนการผลิต เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์ให้กับลูกค้า มีความเพียงพอ เหมาะสม ต่อการจัดการกับปัญหาคุณภาพผลิตภัณฑ์ที่เกิดขึ้น
คำว่าเหมาะสม แปลว่า สามารถทำตามได้ และ ได้ทำตาม
คำว่าเหมาะสม แปลว่า ได้ผล ผลที่ได้อาจหมายถึงการบรรลุถึง output ของกระบวนการ การบรรลุ Quality objective , ไม่มีของเสีย ไม่มีการrework ทำได้ตามแผนการผลิต etc.
ได้ถ้าอยากรวม แต่จะดีหรือเปล่า
การตรวจติดตาม รวมๆ คล้ายๆกับการยำ บางคนยำอร่อย
บางคนยำไม่ได้เรื่อง ยิ่งยำยิ่งแย่ เลยเรียกย่ำแย่ไง
แย่ที่ย่ำอยู่กันที่ไม่ไปไหน
การยำไม่ดี จะไม่รู้รสอะไรนำ ซึ่งถือเป็นเวรกรรมของคนกิน
บางทีเราเรียกว่า มั่ว แทนคำว่ายำ (บางครั้ง มั่วๆก็อร่อย อย่างตำมั่วแถวบ้าน อร่อยสุดๆขอบอก..)
การตรวจประเมิน ควรแยกออกจากกัน เพราะ วัตถุประสงค์การตรวจติดตามต่างกันในแต่ละประเภท
การตรวจประเมิน ควรแยกออกจากกัน เพราะการตรวจประเมินกระบวนการก่อให้เกิดผลิตภัณฑ์เน้นการปรับปรุง เน้นให้คนมีวินัยในการทำการผลิต การตรวจจะ Loss focus หากการตรวจประเมินในครั้งนั้นๆ ครอบคลุมหลายๆเรื่องพร้อมๆกัน การตรวจจะไม่มีการ focus สับสนไปกับการตรวจติดตามเรื่องการบริหารนโยบาย การจัดการเชิงกลยุทธ์ การสอดคล้องกับข้อกำหนด ISO9001
กระบวนการก่อให้เกิดผลิตภัณฑ์มี สำคัญต่อบริษัทมาก
การตรวจติดตามประเภทนี้ มีเป้าหมายว่าเพื่อให้มั่นใจได้ว่ากระบวนการผลิตซึ่งมีผลกระทบต่อคุณภาพ ผลิตภัณฑ์ การสอดคล้องกับข้อกำหนดผลิตภัณฑ์โดยตรง มีความเพียงพอเหมาะสมในการรองรับปัญหาที่เกิดขึ้น มีการกระทำที่สอดคล้องและมีการดำเนินการจริงตามที่ได้มีการกำหนดไว้
การยำรวมกัน การตรวจติดตามพร้อมๆกัน การใช้ผู้ตรวจชุดเดียวกัน
ทำให้เกิดสิ่งที่เราเรียกว่า Loss focus ซึ่งท่านจะไม่ได้ประโยชน์อะไร
การตรวจติดตามพรัอมๆกัน ไม่เหมาะนัก เพราะ
แล้วจะรวมกัน ทำไมเนี่ย
ดูแล้วได้ไม่คุ้มเสีย !!
การจะทำอะไรต้องมีความเข้าใจ ต้องรู้หนักรู้เบา ต้องรู้อะไรก่อนอะไรหลัง การตรวจติดตามในแต่ละครั้งไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน การตรวจติดตามที่เน้นสอดคล้องเหมาะสำหรับ ระบบที่เพิ่งจัดทำใหม่ๆ เท่านั้น การตรวจติดตามที่เน้นปรับปรุงต้องทำเมื่อระบบเสถียรแล้ว การตรวจติดตามภายในที่เน้นการสอดคล้องกับข้อกำหนด ISO9001 เหมาะเพียงในช่วงก่อนการรับรองระบบเท่านั้น
อยากฝากว่า แทนที่กระบวนการตรวจติดตามจะเป็นภาระ เพิ่มค่าใช้จ่าย ไม่มีประโยชน์ มาทำกันในแบบที่เราควรจะทำ เพื่อท่านจะได้ ลดต้นทุน ทำให้ลูกค้าท่านมีความสุข องค์กรท่านเป็นองค์กรที่ไม่มีไขมัน และ แข็งแรง