การตีความข้อกำหนด ISO14001:2015 ข้อ 9

2020-12-09 15-05-16

 

ดาวน์โหลดเอกสารฉบับเต็มได้ที่นี้

9.1 การเฝ้าระวัง การวัด การวิเคราะห์ และ การประเมิน

จุดประสงค์ของการติดตามตรวจสอบและการวัดผล

การติดตามตรวจสอบเกี่ยวข้องกับการสอดส่องดูแลหรือการสังเกตการปฏิบัติงานเป็นประจำเพื่อทำให้มั่นใจว่าผลการดำเนินการเป็นที่น่าพึงพอใจ เพื่อตรวจสอบความก้าวหน้าและการปรับปรุงที่ต้องการและเพื่อตรวจหาปัญหา การวัดเกิดขึ้นเมื่อมีการอ่านค่าเชิงปริมาณของตัวแปรต่างๆในการปฏิบัติการ การปล่อยของเสีย หรือผลกระทบสิ่งแวดล้อม การติดตามตรวจสอบและการวัดผลใช้ในการ :

  • ตรวจสอบความก้าวหน้าของระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม เช่น ตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายในการลดจำนวนข้อบกพร่องในการฝึกอบรมบุคคล
  • ระบุแหล่งของปัญหาและผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างทันท่วงทีและถูกต้อง
  • เร่งให้เกิดการแก้ไขและป้องกันอย่างรวดเร็วและเหมาะสมเมื่อมีบางสิ่งผิดปกติ
  • ประเมินผลการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมเปรียบเทียบกับข้อกำหนดกฎหมาย
  • เป็นการแสดงความขยันหมั่นเพียรและใช้ประเมินตนเอง
  • ทำตามข้อตกลงในนโยบายสิ่งแวดล้อม

ควรติดตามตรวจสอบและ/หรือควรวัดอะไร

มีตัวแปรจำนวนมากที่ควรมีการติดตามตรวจสอบเพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม องค์กรส่วนใหญ่ติดตามตรวจสอบตัวแปรน้อยเกินไปและทำไม่บ่อยนัก หลักในการกำหนดแผนงานการติดตามตรวจสอบคือการระบุตัวแปรที่สำคัญที่จะสามารถตรวจสอบระบบ การจัดการสิ่งแวดล้อมได้ชัดเจน และประเมินว่าต้องทำบ่อยเพียงใด การติดตามตรวจสอบและการวัดผลต้องการความถูกต้องและความแม่นยำระดับใด เพื่อทำให้มั่นใจว่าระบบการจัดการสิ่งแวดล้อมยังคงดำเนินไปด้วยดี

หัวข้อต่อไปนี้คือหัวข้อทั่วไปที่ต้องติดตามตรวจสอบเป็นประจำ

  • ผลการปฏิบัติงานตามข้อกำหนดของระบบการจัดการสิ่งแวดล้อมโดยรวม
  • ความก้าวหน้าของงานเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมาย
  • ตัวชี้วัดผลการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมตามแผนงานการจัดการสิ่งแวดล้อม และตามข้อกำหนดกฎหมาย
  • การปฏิบัติงานของการผลิต เครื่องจักร กระบวนการที่ก่อให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมที่สำคัญและเครื่องจักรควบคุมมลพิษ

การติดตามตรวจสอบและการวัดผลบางอย่างที่ควรทำประจำ ตัวอย่างเช่น :

  •        การปล่อยของเสียสู่อากาศ การปล่อยน้ำเสียลงแหล่งน้ำ การทิ้งกากของเสีย
  •         ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านอากาศ น้ำ ดิน สิ่งมีชีวิต นิเวศวิทยา มนุษย์
  •         การใช้พลังงาน

$1·       

เพื่อให้องค์กรสามารถรายงานและสื่อสารประสิทธิผลการทำงานด้านสิ่งแวดล้อมของตนเองได้อย่างถูกต้องแม่นยำ จีงต้องมีระบบสำหรับการเฝ้าระวัง การวัดผล การวิเคราะห์และการประเมินประสิทธิผลการทำงานด้านสิ่งแวดล้อม

การใช้/การจัดการ การจัดเก็บและการทิ้งสารเคมี เชื้อเพลิง วัสดุและกากของเสียอันตราย

  •         ความจำเป็นของการฝึกอบรม ตารางกำหนดการฝึกอบรม ความตระหนักและความสามารถด้านสิ่งแวดล้อมของพนักงาน
  •         การสื่อสารจากฝ่ายต่างๆและการโต้ตอบขององค์กร
  •         การแก้ไขปัญหากรณีอุบัติการณ์ฉุกเฉิน
  •         การประกันคุณภาพและการควบคุมคุณภาพสำหรับการสุ่มตัวอย่างและการวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการด้านสิ่งแวดล้อม
  •         ประสิทธิผลและความทันต่อเหตุการณ์ในการป้องกันแก้ไข
  •         ผลการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมของผู้รับเหมา
  • เอกสารได้รับการปรับปรุงให้มีความทันสมัยและมีการควบคุมอย่างพอเพียงหรือไม่

การเฝ้าระวังและการวัดผลจะเป็นหลักฐาน ในระบบบริหารสิ่งแวดล้อม เช่น

— การตรวจสอบย้อนกลับความคืบหน้าของคำมั่นสัญญาในการบรรลุนโยบายสิ่งแวดล้อม รวมถึงวัตถุประสงค์ด้านสิ่งแวดล้อมและการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง

— การให้ข้อมูลเพื่อกำหนดประเด็นสิ่งแวดล้อมที่มีนัยสำคัญ

— การเก็บข้อมูลด้านการปล่อยก๊าซและการระบายออกเพื่อบรรลุพันธกรณีที่ต้องปฏิบัติให้สอดคล้อง;

— การเก็บข้อมูลด้านการใช้น้ำ พลังงานหรือวัสดุเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ด้านสิ่งแวดล้อม;

— การให้ข้อมูลเพื่อสนับสนุนหรือประเมินการควบคุมการปฏิบัติงาน

— การให้ข้อมูลเพื่อประเมินประสิทธิผลการทำงานด้านสิ่งแวดล้อมขององค์กร

— การให้ข้อมูลเพื่อประเมินประสิทธิผลการทำงานของระบบบริหารสิ่งแวดล้อม

เครื่องมือที่ใช้ในการวัดสำหรับระบบการจัดการสิ่งแวดล้อมต้องสอบเทียบมาตรฐานอย่างสม่ำเสมอเพื่อทำให้มั่นใจว่าค่าที่อ่านได้มีความถูกต้อง และต้องติดตามตรวจสอบการปฏิบัติตามกฎหมายและกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมเป็นประจำเพื่อให้เป็นไปตามตามข้อตกลงในนโยบายสิ่งแวดล้อม ประเภทของการวัดผลบ่งบอกถึงความต้องการในการทำให้เครื่องมือดังกล่าวมีความน่าเชื่อถือ (ตัวอย่างเช่น การสอบเทียบ)

องค์กรควรพิจารณาในการใช้ห้องทดสอบที่มีเทคนิคการทดสอบซึ่งได้รับการรับรองโดยหน่วยงานที่ให้การรับรองระดับชาติหรืออนุมัติโดยผู้ตั้งกฎ หากไม่สามารถได้รับการรับรองหรืออนุมัติ องค์กรสามารถพิจารณาวิธีที่เหมาะสมอื่น ๆ ในการตรวจสอบความถูกต้องแม่นยำของผลลัพธ์ อาทิเช่น การวิเคราะห์ตัวอย่างแยก การทดสอบเทียบกับวัสดุที่อ้างอิงซึ่งได้รับการรับรองและโปรแกรมทดสอบความชำนาญห้องทดสอบ

สิ่งที่ควรพิจารณาพิเศษในการเฝ้าระวังและการวัดผล คือการรับประกันความถูกต้องเชื่อถือได้ของข้อมูล ดังนั้นภายใต้เงื่อนไขที่ควบคุมได้ (มีระบบ มีเกณฑ์)สำหรับ:

— เทคนิคการเลือกตัวอย่างและการเก็บข้อมูล

— การจัดหาการสอบเทียบที่เพียงพอ

— การใช้มาตรฐานวัดที่สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ตามมาตรฐานสากลหรือระดับชาติ

— การใช้บุคลากรที่ชำนาญ

— การตีความข้อมูลและการวิเคราะห์แนวโน้ม

เพิ่มเติม

สรุปประเด็นสำคัญ

·        ควรกำหนดสิ่งที่จำเป็นต้องมีการเฝ้าระวังและวัดผลโดยคำนึงถึงวัตถุประสงค์ด้านสิ่งแวดล้อม ประเด็นสิ่งแวดล้อมที่มีนัยสำคัญ พันธกรณีที่ต้องปฏิบัติให้สอดคล้องและการควบคุมการปฏิบัติงานโดยควรมีการกำหนดความถี่และวิธีที่จะใช้ในการเก็บข้อมูล

·        เพื่อประหยัดทรัพยากรในการวัดผล องค์กรควรเลือกตัวบ่งชี้ที่เกี่ยวข้องซึ่งง่ายต่อการเข้าใจและให้ข้อมูลที่มีประโยชน์สำหรับการประเมินประสิทธิผลการทำงานด้านสิ่งแวดล้อมที่สำคัญ

·        การคัดเลือกตัวบ่งชี้ควรสะท้อนให้เห็นหลักธรรมชาติและขนาดของการดำเนินงานขององค์กร รวมถึงมีความเหมาะสมกับผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ตัวอย่างของตัวบ่งชี้จะรวมถึงพารามิเตอร์เชิงกายภาพ อาทิเช่น อุณหภูมิ ค่าแรงดัน pH และการใช้วัสดุ ประสิทธิผลของพลังงาน ทางเลือกในการบรรจุและขนส่ง ดูเพิ่มเติมได้ที่ ISO 14031

·        ควรมีการวิเคราะห์และใช้ผลการเฝ้าระวังและการวัดผลเพื่อบ่งชี้ข้อบกพร่อง การยึดมั่นขีดจำกัดตามที่พันธกรณีที่ต้องปฏิบัติให้สอดคล้องตั้งไว้ แนวโน้มประสิทธิผลการทำงานและโอกาสในการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง

·        การวิเคราะห์ข้อมูลสามารถรวมการพิจารณาด้านคุณภาพของข้อมูล ความถูกต้อง ความเพียงพอและความสมบูรณ์ที่จำเป็นต่อการสร้างข้อมูลที่น่าเชื่อถือ เครื่องมือเชิงสถิติสามารถนำไปใช้ในการเพิ่มความน่าเชื่อถือในการตัดสินใจว่าสามารถบรรลุผลที่พึงประสงค์หรือไม่ เครื่องมือเหล่านี้สามารถรวมเทคนิคเชิงกราฟฟิค การจัดทำดัชนี การรวบรวมหรือการชั่งอย่างเหมาะสม

·        กระบวนการที่เป็นลายลักษณ์อักษรสำหรับการดำเนินการเฝ้าระวัง การวัดผล การวิเคราะห์และการประเมินสามารถช่วยในความคงเส้นคงวา การทำซ้ำได้และความน่าเชื่อถือของข้อมูลที่สร้างผลลัพธ์การเฝ้าระวัง การวิเคราะห์และการวัดผลรวมถึงการประเมินควรมีการเก็บรักษาเป็นเอกสารข้อมูล

  • การติดตามตรวจสอบและการวัดผลอย่างละเอียดถี่ถ้วนเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้มีการปรับปรุงการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง
  • การติดตามการปฏิบัติตามกฎหมายเป็นภาระผูกพันในระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม ISO 14001
  • ผลการทดสอบจะดีก็ต่อเมื่อตัวอย่างที่นำมาทดสอบได้มาโดยปราศจากความลำเอียง และมีการสอบเทียบเครื่องมือวัดอย่างถูกต้อง
  • ทุกๆสิ่งที่ ISO 14001 กล่าวว่า ต้องคงรักษาไว้นั้นต้องทำการวัดผลและติดตามตรวจสอบ

 

การตรวจประเมิน

  1. ตรวจสอบว่ามีการเฝ้าติดตามและวัดลักษณะจำเพาะที่สำคัญ (Key Characteristic) ของการปฏิบัติงานที่สามารถมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่มีนัยสำคัญอย่างครบถ้วนหรือไม่
  2. ตรวจสอบว่ามีการติดตาม ตรวจวัด ที่ครอบคลุมในด้าน สมรรถนะทางด้านสิ่งแวดล้อม, การควบคุมการปฏิบัติงานมและความสอดคล้องกับวัตถุประสงค์และเป้าหมายขององค์กรหรือไม่โดยค่าตัวชี้วัดสมรรถนะสิ่งแวดล้อม ควรมีกรอบที่ครอบคลุมดังนี้
    •              Management Performance Indicator เช่น จำนวนการบรรลุตามวัตถุประสงค์และเป้าหมาย จำนวนพนักงานที่เข้าร่วมโครงการ จำนวนข้อเสนอแนะในการปรับปรุงด้านสิ่งแวดล้อมจากพนังงาน จำนวนครั้งในการตรวจติดตามเทียบแผน จำนวนข้อเสนอแนะ/ข้อร้องเรียนด้านสิ่งแวดล้อมจากภายนอก และการคืนทุนจากโครงการปรับปรุงด้านสิ่งแวดล้อมเป็นต้น
    •          Operational Performance Indicator เช่น ปริมาณวัสดุที่ใช้หน่วยการผลิต ปริมาณการ recycle หรือ reuse วัสดุที่ใช้ ปริมาณพลังงานที่ใช้ต่อปีหรือต่อหน่วยการผลิต จำนวน NC Products ต่อหน่วยการผลิต ปริมาณขยะต่อปี หรือต่อหน่วยการผลิต และปริมาณมลพิษ (อากาศ น้ำ) ที่ปล่อยต่อปี เป็นต้น
    •                    Environmental Condition Indicat  or เช่น การตรวจวัดความเข้มข้นของมลพิษทางอากาศรอบรั้วโรงงาน การตรวจวัดกลิ่นของโรงงานในระยะทางที่คาดว่าได้รับผิดกระทบ การตรวจวัดเสียงที่รอบรั้วโรงงาน การวัดการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำใต้ดิน การวัดความเข้มข้นของการปนเปื้อนในน้ำใต้ดินและน้ำผิวดิน เป็นต้น
  1. ตรวจสอบว่า รายงานปฏิบัติการ ที่ให้ข้อมูลในการ ดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับสถานะของ วัตถุประสงค์และ เป้าหมายและตัวชี้วัดสมรรถนะ ตามระบบและความถี่ที่กำหนด
  2. อุปกรณ์ที่ใช้ในการติดตาม ตรวจสอบ ที่สำคัญ ได้รับการชี้บ่งและcalibrated


 

9.1.2 การประเมินการสอดคล้อง

องค์กรควรมีการจัดทำ นำไปใช้ และธำรงรักษา ขั้นตอน สำหรับการประเมินความสอดคล้องกับข้อกำหนด กฎหมายเป็นระยะตามรอบเวลาและจัดเก็บผลของการประเมินความสอดคล้อง

องค์กรสามารถทำการประเมินความสอดคล้องในกฎหมายแต่ละฉบับหรือรวมๆกันก็ได้

วิธีการที่เราสามารถใช้ในการประเมินความสอดคล้อง เช่น

  1. การตรวจประเมิน audits,
  2. การทบทวนเอกสาร บนทัก document and/or records review,
  3. การตรวจสอบสถานประกอบการ facility inspections,
  4. การสัมภาษณ์ interviews,
  5. การทบทวนงาน โครงการ project or work reviews,
  6. การสุ่มปกติ กับการทดสอบ/การวิเคราะห์ และ/หรือ ทำการทวนสอบการสุ่ม/ทดสอบroutine sample analysis or test results, and/or verification sampling/testing
  7. การเข้าสำรวจสถานประกอบการ หรือสังเกตโดยตรง facility tour and/or direct observation

ควรมีการประเมินประสิทธิผลการทำงานต่อพันธกรณีที่ต้องปฏิบัติให้สอดคล้องทั้งหมดเป็นระยะ ๆ ถึงแม้ว่าความถี่และแต่ละช่วงเวลาจะแตกต่างตาม

    •          ข้อกำหนดทางกฎหมายขององค์กร
    •          ความสัมพันธ์กันของข้อกำหนดที่ปรับใช้เป็นพันธกรณีที่ต้องปฏิบัติให้สอดคล้อง
    •          การเปลี่ยนแปลงในพันธกรณีที่ต้องปฏิบัติให้สอดคล้อง
    •          ประสิทธิผลการทำงานในอดีตขององค์กรที่เกี่ยวข้องกับพันธกรณีที่ต้องปฏิบัติให้สอดคล้องโดยรวมถึงผลกระทบย้อนกลับที่เป็นไปได้ซึ่งเกี่ยวข้องกับข้อบกพร่อง
    •          การเปลี่ยนแปลงที่คาดไว้ในด้านประสิทธิผลการทำงานของกระบวนการหรือกิจกรรม ตัวอย่างเช่น ประสิทธิผลการทำงานของโรงงานบำบัดน้ำเสียสามารถแตกต่างไปตามปริมาณของน้ำเสียที่ได้รับ

การประเมินความสอดคล้องควรเป็นกระบวนการที่ทำซ้ำโดยใช้ปัจจัยนำเข้าจากด้านอื่น ๆ ของระบบบริหารสิ่งแวดล้อมเพื่อตัดสินว่าองค์กรกำลังบรรลุ พันธกรณีที่ต้องปฏิบัติให้สอดคล้องหรือไม่

วิธีที่ใช้ในการประเมินความสอดคล้องจะรวมถึงการเก็บข้อมูลและสารสนเทศ (ตัวอย่างเช่น) โดย

    การตรวจสอบสิ่งอำนวยความสะดวก

    การเฝ้าระวังหรือสัมภาษณ์โดยตรง

    การทบทวนโครงการหรืองาน

    การทบทวนการวิเคราะห์ตัวอย่างหรือผลการทดสอบ และการเปรียบเทียบข้อจำกัดด้านกฎระเบียบ

    การตรวจพิสูจน์จากการสุ่มตัวอย่างทดสอบ

    การทบทวนเอกสารข้อมูลที่จำเป็นทางกฎหมาย (ตัวอย่างเช่น การสำแดงของเสียที่เป็นอันตราย การนำส่งตามกฎระเบียบ)

พันธกรณีที่ต้องปฏิบัติให้สอดคล้องสามารถดำเนินการโดยกระบวนการต่างๆของระบบบริหารสิ่งแวดล้อม อาทิเช่น

    การกำหนดประเด็นสิ่งแวดล้อมที่มีนัยสำคัญ (ดูที่ข้อ 6.1.2.5) รวมถึงความเสี่ยงและโอกาสที่ต้องค้นหา (ดูที่ข้อ 6.1.1);

    การวางแผนปฏิบัติการ (ดูที่ข้อ 6.1.4);

    การตั้งวัตถุประสงค์ด้านสิ่งแวดล้อม (ดูที่ข้อ 6.2.2);

    การพัฒนากระบวนการในการตระหนักถึง (ดูที่ข้อ 7.3) การสื่อสารภายนอก (ดูที่ข้อ 7.4.3) การวางแผนและควบคุมการปฏิบัติงาน (ดูที่ข้อ 8.1) รวมถึงการเฝ้าระวังและการวัดผล (ดูที่ข้อ 9.1).

ประสิทธิผลของกระบวนการเหล่านี้และผลลัพธ์ที่บรรลุยังสามารถใช้เป็นหลักฐานในการบรรลุพันธกรณีที่ต้องปฏิบัติให้สอดคล้องได้

องค์กรสามารถเลือกที่จะทบทวนรายงานและการสื่อสารจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (ตัวอย่างเช่น รายงานการตรวจสอบสถานประกอบการตามระเบียบหรือการตรวจติดตามของลูกค้า) หรือการสื่อสารกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียโดยเฉพาะที่เกี่ยวกับพันธกรณีที่ต้องปฏิบัติให้สอดคล้อง

เมื่อมีการพบความล้มเหลวหรือความล้มเหลวที่เป็นไปได้ในการบรรลุพันธกรณีที่ต้องปฏิบัติให้สอดคล้อง องค์กรควรมีการลงมือปฏิบัติการ ข้อบกพร่องและกระบวนการปฏิบัติการแก้ไขขององค์กร (ดูที่ข้อ 10.2) สามารถนำไปใช้ในการจัดการกับการแก้ไขที่จำเป็น องค์กรควรสื่อสารหรือรายงานความล้มเหลวในการบรรลุพันธกรณีที่ต้องปฏิบัติให้สอดคล้องต่อผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้องอย่างเหมาะสมและตามต้องการ (ดูที่ข้อ 7.4).

องค์กรควรเก็บรักษาเอกสารข้อมูลเป็นหลักฐานการประเมินความสอดคล้อง โดยสามารถรวม

— รายงานผลการประเมินความสอดคล้อง

— รายงานการตรวจติดตามภายในและภายนอก

— การสื่อสารและรายงานภายในและภายนอก

 

สรุปประเด็นสำคัญ

องค์กรควรจัดทำความถี่ และ วิธีการในการประเมินความสอดคล้องนี้ให้เหมาะสมกับขนาดขององค์กร ชนิด และ ความซับซ้อน การกำหนดความถี่ควรขึ้นอยู่กับปัจจัยเช่น ประสบการณ์ในการผิดพลาดหรือเกิดปัญหาในอดีต หรือ ตามกำหนดโดยกฎหมาย ในการประเมินความสอดคล้องเป็นสิ่งดีที่จะใช้ระบบ Independent review โดยการให้มีการ cross check กันได้ในองค์กร

แผนงานการประเมินความสอดคล้องนี้ สามารถควบรวมกับการกิจกรรมการประเมินอื่นๆ ขององค์กรซึ่งรวมถึงการตรวจประเมินภายในระบบการจัดการสิ่งแวดล้อมหรืออาชีวอนามัย หรือ การตรวจสอบความปลอดภัยตามปกติก็ได้ ไม่จำเป็นต้องทำซ้ำซ้อนหรือแยกบันทึกแต่อย่างใด

เช่นเดียวกันกับข้อกำหนดอื่นๆที่ไม่ใช่กฎหมายที่องค์กรเกี่ยวข้อง ในประเด็นนี้องค์กรอาจจะแยกกระบวนการประเมินความสอดคล้องต่างหาก หรือทำไปพร้อมๆกันกับการประเมินความสอดคล้องกฎหมาย เช่นการที่องค์กรปฏิบัติตาม RoHs ระบบในการติดตามความสอดคล้องอาจมีรอบเวลา วิธีการที่ไม่เหมือนกับการประเมินความสอดคล้องกับกฎหมาย

องค์กรควรตั้งกระบวนการในการประเมินขอบเขตที่บรรลุพันธกรณีที่ต้องปฏิบัติให้สอดคล้องด้วยการเฝ้าระวัง การวัดผล การวิเคราะห์และการทบทวนประสิทธิผลการทำงานต่อพันธกรณีที่ต้องปฏิบัติให้สอดคล้องตามที่ระบุในข้อ 4.2 และ 6.1.3

กระบวนการนี้สามารถช่วยองค์กรในการแสดงให้เห็นคำมั่นสัญญาในการบรรลุพันธกรณีที่ต้องปฏิบัติให้สอดคล้อง เข้าใจสถานะความสอดคล้อง ลดความเป็นไปได้ในการละเมิดกฎระเบียบหรือเลี่ยงปฏิบัติการย้อนกลับจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย

การตรวจติดตามภายใน (ดูที่ข้อ 9.2) สามารถนำไปใช้เพื่อตัดสินประสิทธิผลของกระบวนการที่ออกแบบและดำเนินการเพื่อประเมินการบรรลุพันธกรณีที่ต้องปฏิบัติให้สอดคล้อง แต่มักไม่สามารถนำไปใช้เพื่อแสดงว่าได้บรรลุพันธกรณีที่ต้องปฏิบัติให้สอดคล้องขององค์กร อย่างไรก็ตาม องค์กรสามารถใช้เทคนิคการตรวจติดตามในการประเมินการบรรลุพันธกรณีที่ต้องปฏิบัติให้สอดคล้อง

ด้วยการประเมินความสอดคล้อง องค์กรจะมีความรู้และตระหนักถึงสถานะของความสอดคล้อง ความถี่ในการประเมินความสอดคล้องควรมีความเหมาะสมในการเก็บความรู้และความตระหนักถึงให้ทันสมัย ควรมีการดำเนินการประเมินในลักษณะที่ให้ปัจจัยนำเข้าได้ทันเวลาต่อการทบทวนของฝ่ายบริหาร (ดูที่ข้อ 9.3) เพื่อว่าฝ่ายบริหารสูงสุดจะสามารถทบทวนการบรรลุพันธกรณีที่ต้องปฏิบัติให้สอดคล้องขององค์กรและรักษาความตระหนักถึงสถานะความสอดคล้องขององค์กร

สรุปประเด็นสำคัญ

  1. ในเรื่องการประเมินความสอดคล้องกับกฎหมาย องค์กรต้องมีระเบียบปฏิบัติ ขณะที่การประเมินความสอดคล้องกับข้อกำหนดอื่นอาจไม่จำเป็นต้องมีขั้นตอนปฏิบัติ
  2. ข้อกำหนดข้อนี้ เป็นการเริ่มต้นของกระบวนการแก้ไขและป้องกัน ดังนั้นในกรณีที่พบความไม่สอดคล้องต้องมีระบบในการดำเนินการต่อตามข้อกำหนด 9.x
  3. บันทึกการประเมินความสอดคล้องนี้ต้องมีการจัดเก็บเป็นอย่างดี เพราะถือเป็นเอกสารหนึ่งในการแสดงสมรรถนะของระบบ EMS
  4. ข้อกำหนดข้อนี้ แยกออกจากข้อกำหนด การติดตามตรวจวัดข้อ 9.1.1 เนื่องจากในการตรวจติดตามและการตรวจวัดนั้น เราสามารถทำการตรวจติดตามวัด ในปัจจัยอื่นๆ ที่ซึ่งอาจกำหนดเองเช่นการวัดค่าสมรรถนะในกระบวนการผลิตในแง่พลังงานตามกรอบนโยบาย ดังนั้น เราไม่ได้ทำการวัดแค่ประเด็นการสอดคล้องกับข้อกำหนดกฎหมายเท่านั้น จึงมีการแยกข้อกำหนดออกมาต่างหาก

การตรวจประเมิน

·        ตรวจสอบว่าประเด็นที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายหรือข้อกำหนดอื่นๆ ได้รับการประเมินการสอดคล้องทั้งหมด ซึ่งหลักฐานการประเมินการสอดคล้องอาจมาจากบันทึกทีหลายหลาย(audits, document and/or records review, facility inspections, interviews, project or work reviews, routine sample analysis or test results, and/or verification sampling/testing, facility tour and/or direct observation) ให้ทำการสุ่มตรวจ โดยเน้นลำดับความสำคัญกับประเด็นปัญหาสิ่งแวดล้อมที่สำคัญรวมถึง ปัญหามลพิษต่างๆ

·        ทำการตรวจทาน คู่มือขั้นตอนการปฏิบัติงานเรื่อง การประเมินความสอดคล้องกับกฎหมาย และการประเมินความสอดคล้องกับข้อกำหนดอื่นๆ ว่าจัดทำได้อย่างเหมาะสมหรือไม่

·        สุ่มตรวจบันทึกเพื่อพิสูจน์ทราบความถูกต้องของบันทึก และรูปแบบการจัดเก็บ ซึ่งรวมถึงค่าวิเคราะห์หรือทดสอบค่าพารามิเตอร์ด้านสิ่งแวดล้อม ต่างๆ

·        ตรวจสอบ แผนการตรวจสอบการสอดคล้องกับกฎหมาย ได้มีการจัดทำและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ผู้ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบการสอดคล้องกับข้อกำหนดกฎหมายมีความสามารถอย่างเพียงพอ

·        ในกรณีที่พบสิ่งที่ไม่เป็นไปตามข้อกำหนด หรือ ใกล้ๆกับเกินค่า limit องค์กรได้มีการกระทำการออกรายงานข้อบกพร่อง เพื่อวิเคราะห์หาสาเหตุ ดำเนินกสนแก้ไขและป้องกันการเกิดซ้ำ หรือไม่

9.2 การตรวจประเมินภายใน

การตรวจประเมินระบบการจัดการสิ่งแวดล้อมคืออะไร

นิยามการตรวจประเมิน

การตรวจประเมินใช้คำต่างๆที่มีความหมายเฉพาะดังนี้ :

·        เป็นระบบ-ทำให้เป็นระเบียบ เป็นวิธีการ เป็นแผนงาน

·        ทำเป็นเอกสาร-การบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร

·        การพิสูจน์-ข้อมูลได้รับการตรวจสอบ ทำให้ถูกต้องและได้รับการยืนยัน

·        เป็นรูปธรรม-เป็นอิสระ ไม่ลำเอียง ไม่มีผลประโยชน์ขัดแย้งกัน

·        การประเมินผล- การประเมินการใช้วิจารณญาณ

·        หลักฐาน-การสังเกตและข้อมูลที่ได้พิสูจน์แล้ว

·        เกณฑ์การตรวจประเมิน-มาตรฐานที่ใช้เปรียบเทียบกับผลการตรวจประเมิน (เช่น ISO 14001 ในกรณีของระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม)

·        ขอบเขตของการตรวจประเมิน-ข้อกำหนดของ ISO 14001 พื้นที่ปฏิบัติการ และกรอบเวลาการตรวจประเมิน

·     วัตถุประสงค์ของการตรวจประเมิน-ประเมินว่าได้มีการนำระบบการจัดการสิ่งแวดล้อมไปใช้อย่างเหมาะสมหรือไม่

 

การตรวจประเมินในระบบการจัดการสิ่งแวดล้อมในทางปฏิบัติ

การตรวจประเมินในระบบการจัดการสิ่งแวดล้อมมักดำเนินการหนึ่งหรือสองครั้งต่อปี   อาจจำแนกการตรวจประเมินเป็นการตรวจประเมินภายในหรือภายนอก โดยปกติแล้วการตรวจประเมินภายในจะเกี่ยวข้องกับบุคลากรที่ได้รับการฝึกอบรมภายในส่วนงานที่ถูกตรวจประเมินหรือจากส่วนงานอื่นๆภายในองค์กร บางครั้งอาจว่าจ้างผู้ตรวจประเมินมืออาชีพจากภายนอกมาร่วมตรวจด้วย

การตรวจประเมินภายนอกอาจจะเป็นผู้ให้ใบรับรองซึ่งจะประเมินความเหมาะสมของระบบการจัดการสิ่งแวดล้อมเพื่อออกใบรับรอง ISO เพื่อทำให้มั่นใจว่าระบบการจัดการสิ่งแวดล้อมยังคงมีความเหมาะสมอยู่ นอกจากนั้นมีการตรวจติดตามผลเป็นระยะทุก 6 เดือน หรือทุก 1 ปี

 

รายละเอียดบางประการเกี่ยวกับการตรวจประเมินระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม         

บุคคลที่มีบทบาทและความรับผิดชอบที่สำคัญในการตรวจประเมินระบบการจัดการสิ่งแวดล้อมได้แก่

$1·        ผู้ถูกตรวจประเมิน- องค์กรหรือส่วนงานที่ถูกประเมิน(มักจะเป็นลูกค้าด้วย)

$1·        ทีมงานตรวจประเมิน-บุคคลที่มีคุณสมบัติตามกำหนด ขึ้นตรงกับหัวหน้าผู้ตรวจประเมินซึ่งเป็นผู้นำการตรวจประเมิน

$1·        ผู้จัดการส่วนงานหัวหน้างานหรือพนักงาน-รับผิดชอบต่อการให้ความร่วมมือในการตรวจประเมิน การให้ข้อมูลตามที่ผู้ประเมินร้องขอ

$1·            ผู้บริหารระดับสูงของส่วนงาน- รับผิดชอบในการมอบหมายให้มีการปฏิบัติตามผลการตรวจประเมิน

 

การแปลความหมายของข้อกำหนด ISO 14001

ข้อกำหนด กำหนดว่า องค์กรต้องจัดทำกำหนดการตรวจประเมินภายในระบบ     การจัดการสิ่งแวดล้อมเพื่อตัดสินว่าระบบยังคงเป็นไปตามข้อกำหนดทั้งหมดใน ISO 14001 หรือไม่ และปรับปรุงให้ทันสมัยอยู่เสมอ (กล่าวคือบำรุงรักษาอย่างเหมาะสม) ขอบเขตของการตรวจประเมินแต่ละครั้ง ไม่ได้ครอบคลุมทุกข้อกำหนดของมาตรฐานหรือไม่จำเป็นต้องตรวจประเมินทุกหน้าที่ในส่วนงาน แต่ได้กำหนดว่าต้องให้ความสำคัญกับประเด็นปัญหาสิ่งแวดล้อมที่สำคัญโดยการพิจารณาจากผลการตรวจประเมินครั้งที่ผ่านมา

องค์กรจำเป็นต้องจัดทำกำหนดการตรวจประเมินที่มีความสมดุลระหว่างความเข้มงวดกับ ความยืดหยุ่น เพื่อให้สามารถตรวจสอบเรื่องที่สำคัญที่สุดได้ทันเวลา ควรมีการตรวจประเมินข้อกำหนดทั้งหมดของมาตรฐานทุกๆปี ในทางปฏิบัติ การตรวจประเมินข้อกำหนด ISO 14001 และพื้นที่ส่วนงาน

ข้อกำหนดของขั้นตอนการปฏิบัติการตรวจประเมิน

ขั้นตอนการตรวจประเมินภายในควรมีข้อมูลเหล่านี้ :

  • ขอบเขต ความถี่(เช่น กำหนดการ) วิธีการ
  • บทบาทและความรับผิดชอบของสมาชิกทีมงานตรวจประเมิน ผู้จัดการและพนักงาน
  • คุณวุฒิและประสบการณ์ของสมาชิกทีมงานตรวจประเมินและหัวหน้าผู้ตรวจประเมิน
  • ออกแบบและจัดทำรายการตรวจเช็คสำหรับการตรวจประเมิน
  • รูปแบบของรายงานการตรวจประเมิน การแจกจ่าย และกำหนดการทบทวนและการตอบในประเด็นที่ตรวจพบ
  • กำหนดความรับผิดชอบ(ใคร อย่างไร)สำหรับการรายงานสิ่งที่ตรวจพบจากการประเมินให้กับผู้บริหารระดับสูง
  • กำหนดความรับผิดชอบสำหรับการจัดทำแผนปฏิบัติการและการนำไปปฏิบัติเพื่อจัดการกับสิ่งที่ตรวจพบ(เช่น ปฏิบัติการป้องกันและแก้ไข)

การตรวจประเมินการปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อม

เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนด ISO 14001 องค์กรต้องชักนำให้มีการตรวจประเมินเป็นระยะในเรื่องการปฏิบัติตามข้อกำหนดต่างๆดังนี้:

  • กฎหมาย กฎระเบียบและใบอนุญาตที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมทั้งในระดับชุมชน ท้องถิ่น จังหวัด ภูมิภาคและระดับประเทศ
  • ข้อกำหนดของการปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ
  • นโยบายบริษัท แผนงานและขั้นตอนการปฏิบัติงาน
  • วิธีการจัดการสิ่งแวดล้อมที่ดีตามประเภทของอุตสาหกรรมขององค์กร

หลักการและขั้นตอนการปฏิบัติของการตรวจประเมินนี้จะเหมือนกับการตรวจประเมินในระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม แม้ว่าขอบเขต มาตรฐาน วัตถุประสงค์และรายการตรวจเช็คต่างๆจะแตกต่างกัน

สรุปประเด็นสำคัญ

$1·        การตรวจติดตามภายในของระบบบริหารสิ่งแวดล้อมขององค์กรควรมีการดำเนินการตามเวลาที่วางแผนไว้เพื่อกำหนดและให้ข้อมูลต่อฝ่ายบริหารว่าระบบสามารถสอดคล้องกับการจัดการตามแผนและมีการดำเนินการรวมถึงรักษาอย่างเหมาะสมหรือไม่โดยสามารถใช้ผลในการบ่งชี้โอกาสสำหรับการปรับปรุงระบบบริหารสิ่งแวดล้อมขององค์กรได้

$1·        องค์กรควรจัดตั้งโปรแกรมตรวจติดตามภายในเพื่อนำการวางแผนและดำเนินการตรวจติดตามภายในรวมถึงบ่งชี้การตรวจติดตามที่จำเป็นในการบรรลุวัตถุประสงค์ของโปรแกรมตรวจติดตาม โปรแกรมตรวจติดตามและความถี่ในการตรวจติดตามภายในควรอยู่บนพื้นฐานของหลักธรรมชาติของการดำเนินงานขององค์กรในด้านประเด็นสิ่งแวดล้อมและผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมที่เป็นไปได้ ความเสี่ยงและโอกาสที่ต้องค้นหา ผลการตรวจติดตามภายในและภายนอกครั้งก่อน รวมถึงปัจจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง (ตัวอย่างเช่น การเปลี่ยนแปลงที่กระทบองค์กร ผลการเฝ้าระวังและวัดผลรวมถึงสถานการณ์ฉุกเฉินครั้งก่อน) และควรมีการพิจารณากระบวนการจ้างผู้รับเหมาที่มีเงื่อนไขการตรวจติดตามเป็นการควบคุมในการวางแผนโปรแกรมตรวจติดตาม

$1·        องค์กรควรกำหนดความถี่ในการตรวจติดตามภายในโดยโปรแกรมตรวจติดตาม ที่ซึ่งสามารถ ครอบคลุมหนึ่งปีหรือหลาย ๆ ปีและสามารถประกอบด้วยการตรวจติดตามหนึ่งครั้งหรือมากกว่านี้

$1·        แต่ละครั้งของการตรวจติดตามภายในไม่จำเป็นต้องครอบคลุมระบบทั้งหมด ตราบเท่าที่โปรแกรมตรวจติดตามทำให้มั่นใจว่าหน่วยงานและหน้าที่ขององค์กรทั้งหมด ส่วนประกอบของระบบ และขอบเขตระบบบริหารสิ่งแวดล้อมแบบเต็มจะมีการตรวจติดตามเป็นระยะ

$1·        การตรวจติดตามภายในควรมีการวางแผนและดำเนินการด้วยวัตถุประสงค์เดียวและผู้ตรวจติดตามหรือทีมตรวจติดตามบางส่วนที่มีผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคให้การช่วยเหลือตามความเหมาะสมซึ่งคัดเลือกจากภายในองค์กรหรือจากแหล่งภายนอก ความชำนาญโดยรวมของผู้เชี่ยวชาญควรมีเพียงพอต่อการบรรลุวัตถุประสงค์ในการตรวจติดตามและเพื่อบรรลุขอบเขตการตรวจติดตามเฉพาะรวมถึงให้ความมั่นใจตามระดับความน่าเชื่อถือที่แสดงในผลลัพธ์ได้

$1·        ผลการตรวจติดตามภายในสามารถแสดงในรูปแบบของรายงานตามพื้นฐานการตรวจพิสูจน์และใช้เพื่อแก้ไขหรือป้องกันข้อบกพร่องเฉพาะหรือเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ของโปรแกรมตรวจติดตามหนึ่งข้อหรือมากกว่านั้นและเพื่อให้ปัจจัยนำเข้าต่อการทบทวนของฝ่ายบริหาร

  • การตรวจประเมินด้านสิ่งแวดล้อมเป็นการตรวจเช็คเป็นระยะในเรื่องระบบการจัดการสิ่งแวดล้อมขององค์กรหรือสถานภาพของการปฏิบัติตามกฎหมาย และเป็นตัวเร่งให้มี         การปรับปรุงระบบการจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง
  • ในขั้นตอนการปฏิบัติการตรวจประเมินต้องระบุบทบาท ความรับผิดชอบ ขอบเขต เกณฑ์ วัตถุประสงค์ กำหนดการ เกณฑ์การเลือกผู้ตรวจประเมิน ข้อกำหนดสำหรับการรายงาน การทบทวน และการดำเนินการเมื่อตรวจพบสิ่งที่ต้องจัดการจากการตรวจประเมิน

การตรวจประเมิน

  1. ตรวจสอบว่า การตรวจประเมิน ได้มีการกระทำ โดยคำนึงถึงความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อมของการปฏิบัติงานนั้นๆหรือไม่ ไม่ว่า การวางโปรแกรมการตรวจ การกำหนดผู้ตรวจ การจัดทำรายการคำถาม
  2. ตรวจทานว่าการตรวจติดตามภายใน ครอบคลุม ทั้ง กิจกรรมการปฏิบัติการใดๆในองค์กร (planned arrangements)” และ ข้อกำหนด ISO14001”
  3. ตรวจดูผลของการตรวจประเมินภายใน รอบที่ผ่านๆมา ว่าได้มีการกระทำการตรวจประเมินภายใน ที่สามารถ ดักจับปัญหา ระบุโอกาสในการปรับปรุงให้กับองค์กรได้หรือไม่
  4. ผู้ที่รับผิดชอบในการตรวจประเมินสิ่งแวดล้อมในกระบวนการผลิต มีความรู้ในการป้องกันมลพิษ Cleaning Technology ข้อกำหนด กฎหมาย ได้ดีเพียงไร
  5. ตรวจทาน รายการคำถาม นิยามของการผิดข้อกำหนด ได้มีการกำหนด ระบุ จัดทำไว้ เพื่อเอื้ออำนวยให้ผู้ตรวจติดตามภายใน สามารถทำการตรวจประเมินเพื่อให้สามารถระบุอากาศในการปรับปรุงได้อย่างเหมาะสมหรือไม่ โดยพิจารณาจากความสามารถ ระดับของผู้ใช้รายการคำถาม
  6. ตรวจทานเอกสาร ขั้นตอนปฏิบัติของการตรวจประเมินต้องจัดทำขึ้นได้มีการนำไปปฏิบัติและคงรักษาไว้อย่างเหมาะสมหรือไม่

END

9.3 การทบทวนฝ่ายบริหาร

จุดประสงค์ของการทบทวนโดยฝ่ายบริหาร       

ต้องมีการจัดทำกำหนดการทบทวนของฝ่ายบริหารเพื่อประเมินระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นโอกาสให้ผู้บริหารระดับสูงได้ยืนยันในข้อตกลงการปรับปรุงระบบการจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง และเป็นการแสดงความเป็นผู้นำด้านสิ่งแวดล้อม

คำอธิบาย

ตามช่วงเวลาที่กำหนด ฝ่ายบริหารสูงสุดขององค์กรควรดำเนินการทบทวนระบบบริหารสิ่งแวดล้อมเพื่อประเมินการพัฒนาอย่างยั่งยืนต่อเนื่อง ความเพียงพอและประสิทธิผลของระบบ การทบทวนนี้ควรครอบคลุมประเด็นสิ่งแวดล้อมของกิจกรรม ผลิตภัณฑ์และบริการต่าง ๆ ที่อยู่ภายในขอบเขตของระบบบริหารสิ่งแวดล้อม

การทบทวนของฝ่ายบริหารสามารถทำร่วมกันกับกิจกรรมบริหารแบบอื่น ๆ (ตัวอย่างเช่น การประชุมของคณะกรรมการ การประชุมการดำเนินงาน) หรือสามารถดำเนินการเป็นกิจกรรมต่างหาก การทบทวนของฝ่ายบริหารสามารถประสานกับวงจรการวางแผนและการตั้งงบประมาณขององค์กรรวมถึงประสิทธิผลการทำงานด้านสิ่งแวดล้อมสามารถนำมาประเมินในช่วงการทบทวนของฝ่ายบริหารสูงสุดในด้านประสิทธิผลการทำงานของธุรกิจทั้งหมดเพื่อให้การตัดสินลำดับความสำคัญและทรัพยากรสำหรับระบบบริหารสิ่งแวดล้อมจะมีความสมดุลกับการจัดลำดับความสำคัญทางธุรกิจอื่น ๆ และความต้องการทรัพยากร

ปัจจัยนำเข้าสำหรับการทบทวนของฝ่ายบริหารสามารถรวม

$1    ผลการตรวจติดตามและการประเมินการบรรลุพันธกรณีที่ต้องปฏิบัติให้สอดคล้อง

$1    การสื่อสารจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียภายนอกโดยรวมถึงข้อร้องเรียนด้วย

$1    ประสิทธิผลการทำงานด้านสิ่งแวดล้อมขององค์กร

$1    ขอบเขตที่มีการบรรลุวัตถุประสงค์ด้านสิ่งแวดล้อมขององค์กร

$1    สถานะของปฏิบัติการแก้ไข

$1    ปฏิบัติการติดตามจากการทบทวนของฝ่ายบริหารครั้งก่อน

$1    สถานการณ์การเปลี่ยนแปลงที่รวม

$1    บริบทขององค์กร

$1    การเปลี่ยนแปลงในกิจกรรม ผลิตภัณฑ์และบริการต่าง ๆ ขององค์กร

$1    ผลการประเมินประเด็นสิ่งแวดล้อมที่มีนัยสำคัญและความเสี่ยงและโอกาสที่ต้องค้นหาจากการพัฒนาใหม่หรือที่ตามแผน

$1    การเปลี่ยนแปลงในพันธกรณีที่ต้องปฏิบัติให้สอดคล้องขององค์กร

$1    มุมมองของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย

$1    ความทันสมัยของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

$1    บทเรียนที่เรียนรู้จากสถานการณ์กรณีฉุกเฉิน

$1    ความเพียงพอของทรัพยากร

$1    คำแนะนำในการปรับปรุง

ผลลัพธ์จากการทบทวนระบบบริหารสิ่งแวดล้อมควรรวมการตัดสินใจด้าน

$1    ความเหมาะสม ความเพียงพอและประสิทธิผลของระบบ

$1    โอกาสสำหรับการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง

$1    ความต้องการในการเปลี่ยนแปลงต่อทรัพยากรทางกายภาพ บุคคลและทางการเงิน

$1    ปฏิบัติการหากจำเป็นเมื่อไม่สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ด้านสิ่งแวดล้อม

$1    ปฏิบัติการเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงที่เป็นไปได้ต่อนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม วัตถุประสงค์ด้านสิ่งแวดล้อม และส่วนประกอบอื่น ๆ ของระบบบริหารสิ่งแวดล้อม

$1    ปฏิบัติการเกี่ยวกับการปรับปรุงการบูรณาการของระบบบริหารสิ่งแวดล้อมกับกระบวนการทางธุรกิจอื่น ๆ หากจำเป็น

$1    นัยยะของทิศทางเชิงกลยุทธ์ขององค์กร

ตัวอย่างเอกสารข้อมูลที่เก็บเป็นหลักฐานของผลการทบทวนของฝ่ายบริหารจะรวมถึงสำเนาวาระการประชุม รายชื่อผู้เข้าร่วม เอกสารการนำเสนอการตัดสินใจของฝ่ายบริหารที่บันทึกในรายงาน รายงานการประชุมหรือระบบการตรวจสอบย้อนกลับ

ฝ่ายบริหารสูงสุดสามารถตัดสินว่าใครควรเข้าร่วมในการทบทวนของฝ่ายบริหาร โดยปกติ จะรวมถึงเจ้าหน้าที่ด้านสิ่งแวดล้อม ผู้จัดการของหน่วยงานสำคัญ และฝ่ายบริหารสูงสุด ทั้งนี้ ตัวแทนของระบบบริหารอื่น ๆ (ตัวอย่างเช่น คุณภาพ อาชีวอนามัยและความปลอดภัย การต่อเนื่องธุรกิจ) อาจต้องเข้าร่วมเพื่อจุดประสงค์ของการบูรณาการด้วย

ภาพรวมของการทบทวนโดยฝ่ายบริหาร 

กำหนดการทบทวนระบบการจัดการสิ่งแวดล้อมโดยฝ่ายบริหารไม่ควรน้อยกว่า 1 ครั้งต่อปี และการทบทวนควรเกี่ยวข้องกับผู้บริหารระดับสูงทุกคน (ผู้บริหาร,ผู้ทำการตัดสินใจ)ในส่วนงาน รวมทั้งหัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารหรือผู้จัดการทั่วไป และตัวแทนฝ่ายจัดการด้านสิ่งแวดล้อม

ตัวแทนฝ่ายจัดการด้านสิ่งแวดล้อมควรเตรียมเอกสารโดยสรุปเพื่อให้ผู้บริหารได้อ่านทบทวนเตรียมตัวก่อนเข้าประชุม ซึ่งควรมีข้อมูลต่างๆดังนี้ :

  • นโยบายสิ่งแวดล้อม
  • บทสรุปของสิ่งที่ตรวจพบจากการตรวจประเมินภายในและภายนอก
  • สรุปข้อบกพร่องของระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม และการปฏิบัติการป้องกันและแก้ไข
  • รายการวัตถุประสงค์และเป้าหมาย ความคืบหน้า และกำหนดเวลาการบรรลุผล
  • หัวข้อการประชุมทบทวนโดยฝ่ายบริหารและประเด็นสำคัญที่จะอภิปราย

การประชุมควรดำเนินการตามหัวข้อการประชุม และเปิดโอกาสให้มีการอภิปราย และทำการตัดสินใจอย่างเพียงพอ ตัวอย่างหัวข้อการประชุม ได้แก่ :

·        สรุปประเด็นสำคัญของสรุปผลการประชุมที่จัดทำโดยตัวแทนฝ่ายจัดการด้านสิ่งแวดล้อม

·        การอภิปรายโดยผู้บริหารระดับสูงในเรื่องความเหมาะสมของนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมและวัตถุประสงค์และเป้าหมาย โดยพิจารณาถึงความเปลี่ยนแปลงของปัจจัยด้านความมุ่งหมายของธุรกิจ การผลิต ข้อกำหนดกฎหมาย เศรษฐกิจ สังคม และเทคโนโลยี

·        การสื่อสารและข้อร้องเรียนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

·        ชนิดและแนวโน้มของข้อบกพร่องในระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม

·        ประสิทธิผลของการปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขโดยพิจารณาจากข้อกำหนดกฎหมาย

·        ทรัพยากรที่ต้องการสำหรับการดำรงไว้และการปรับปรุงระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม

·        วิสัยทัศน์การจัดการสิ่งแวดล้อมที่ริเริ่มขึ้นที่ส่วนงาน

ควรมีการบันทึกผลการประชุมโดยระบุผู้เข้าร่วมประชุม คำอภิปราย และการตัดสินใจจากการทบทวนโดยฝ่ายบริหาร จากข้อสรุปของการประชุมควรมีการกำหนดแผนปฏิบัติการพร้อมด้วยผู้รับผิดชอบและกำหนดการแล้วเสร็จ ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งของการปรับปรุงแผนงานการจัดการสิ่งแวดล้อมให้ทันสมัย ควรมีกำหนดวันที่ของการทบทวนครั้งต่อไปเพื่อให้เกิดการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง

สรุปประเด็นสำคัญ

ผู้บริหารระดับสูงต้อง :

  • ทบทวนการจัดการอย่างสม่ำเสมอเพื่อประเมินความเหมาะสม ความพอเพียง       และความมีประสิทธิผลของระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม
  • ทำการตัดสินใจอย่างระมัดระวังจากการทบทวน
  • )ผลลัพธ์จากการตรวจประเมินทางสิ่งแวดล้อม
  • ) ข้อบกพร่อง และการปฏิบัติการป้องกันและแก้ไข
  • ) ความก้าวหน้าของงานตามวัตถุประสงค์และเป้าหมาย

$1·        ) ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม

การทบทวนโดยฝ่ายบริหารต้องพิจารณาการเปลี่ยนแปลงในเรื่อง :

·        ข้อกำหนดทางกฎหมายด้านสิ่งแวดล้อม

·        สภาพเศรษฐกิจและธุรกิจ

·        ผลิตภัณฑ์และบริการขององค์กร

·        เทคโนโลยี

·        ความคิดเห็นของสาธารณชนและความต้องการของสังคม

ผู้บริหารระดับสูงต้องจัดสรรทรัพยากรที่จำเป็นอย่างเพียงพอเพื่อคงรักษาระบบการจัดการสิ่งแวดล้อมไว้และทำให้เกิดการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง

การตรวจประเมิน

  1. ตรวจสอบว่า การทบทวนของฝ่ายบริหารนี้ ได้มี การระบุโอกาสในการปรับปรุง และ/หรือใช้เพื่อการควบคุมระบบ EMS ในภาพรวม จริง!!
  2. ตรวจสอบว่า ผู้บริหารระดับสูงได้ทำการทบทวนระบบ EMS จริงหรือไม่ โดยการทำการสัมภาษณ์
  3. ตรวจสอบว่า ผลลัพธ์จากการทบทวนของฝ่ายบริหาร นั้น มีการตัดสินใจและการดำเนินการใดๆ ที่เหมาะสมโดยการตรวจทานบันทึกการทบทวนและบันทึกที่เกี่ยวข้อง
  4. ตรวจสอบว่า การทบทวนของฝ่ายบริหารนี้ มีการระบุ/ประเมินโอกาสในการปรับปรุงและความจำเป็นในการปรับเปลี่ยนส่วนหนึ่งส่วนใดของระบบการจัดการสิ่งแวดล้อมบางไหม อย่างไร
  5. ระบบการจัดการสิ่งแวดล้อมยังคงมีความเหมาะสมอย่างต่อเนื่องมีความเพียงพอและมีประสิทธิผลการทบทวนนี้ต้องรวมไปถึงการ
  6. ตรวจสอบว่า ระยะเวลา รอบเวลา ของการทบทวนเหมาะสม
  7. ตรวจสอบว่า หลักฐานแนบท้ายการทบทวนว่า ข้อมูลนำเข้าในการทบทวน มีการเตรียมการไว้ เพียงพอ เหมาะสม สอบย้อนได้ และครอบคลุม ชนิดประเภทของข้อมูลนำเข้าตามที่กำหนด

END