ผู้ตรวจที่ได้รับมอบหมายให้ทำการตรวจกระบวนการ ที่ก่อให้เกิดผลิตภัณฑ์ ต้องพิจารณาถึงประวัติการบรรลุ เป้าหมายและปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น ทั้งที่เกิดขึ้นในองค์กรและภายนอก เช่น
ผู้ตรวจที่ได้รับมอบหมาย ต้องใช้ข้อมูลข้างต้นเพื่อจัดเตรียม Checklist ว่าจะทำการตรวจประเด็นไหนบ้าง มีหลักฐานอะไรที่ต้องยืนยัน มีอะไรที่ต้องสอบถาม
กระบวนการที่มีความเสี่ยงสูง และ งานที่การทำงานของคนมีผลอย่างมากต่อผลลัพธ์ของกระบวนการ ต้องได้รับการจัดสรรเวลาและได้รับการตรวจติดตามอย่างเข้มงวด
ในการกำหนดวัตถุประสงค์การตรวจติดตาม และเกณฑ์ที่ใช้ในการตรวจประเมินประเภทนี้สำคัญเป็นอย่างยิ่ง
เพราะหากเราต้องการพิจารณาว่าระบบบริหารเป็นไปตาม ข้อกำหนดในมาตรฐานสากล ISO 9001 หรือไม่ ฉบับนี้ มุมมองการตรวจประเมิน การหาหลักฐานการสอดคล้องไม่สอดคล้อง ข้อกำหนด ISO9001 มาก่อน เวลาออก CARs ก็จะใช้ข้อกำหนด ISO 9001 เป็นหลัก ซึ่งแตกต่างจากการตรวจติดตามเพื่อหาการสอดคล้อง/ประสิทธิผล ของกระบวนการก่อให้เกิดผลิตภัณฑ์
วัตถุประสงค์ของการตรวจติดตาม ว่าเป็นไปตามแผนที่วางไว้หรือไม่ มีเป้าหมายในการยืนยันว่า การ บริหารและควบคุมการผลิตคือ การดำเนินการเพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพตามต้องการ ตรงตามเวลาที่กำหนด ภายใต้ต้นทุนต่ำสุด และรักษาความสม่ำเสมอของคุณภาพ
ด้วยเหตุผลนี้จึงต้องมีการตรวจประเมินองค์ ประกอบต่างๆในกระบวนการผลิต นำไปปฏิบัติ และ ควบคุมดูแลให้เป็นไปตามข้อกำหนดที่จำเป็น องค์ประกอบ ประกอบในที่นี้หมายถึง พนักงาน เครื่องมือ เครื่องจักร เอกสารประกอบการผลิต วัตถุดิบ วิธีการปฏิบัติ ต้องได้รับการควบคุมให้เป็นไปตามข้อกำหนด
จากวัตถุประสงค์การตรวจติดตามข้างต้นที่ระบุข้างต้น
ท่านคิดว่าเด็กๆทำได้หรือ
ท่านคิดว่าแค่ส่งคนๆหนึ่งไปอบรม หลักสูตรการตรวจติดตามภายใน แล้วจะสามารถมอบหมายให้ทำการตรวจติดตามเรื่องนี้ได้ ?
คนที่รับหน้าที่นี้ควรต้องมีความรู้ทักษะต่างๆ เช่น
ลืมบอกไป คนที่รับหน้าที่ในการตรวจกระบวนการก่อให้เกิดผลิตภัณฑ์นี้ อาจไม่ต้องรู้ข้อกำหนดISO 9001 ก็ได้ ไม่เกี่ยว เพราะเขาไม่ได้ตรวจความสอดคล้องกับข้อกำหนด ISO 9001 ไม่เกี่ยวหากคุณแยกตรวจ เรื่องนี้กลับเป็นคุณสมบัติรอง
การทำการตรวจติดตามเพื่อ“ พิจารณาว่าระบบบริหารคุณภาพ เป็นไปตาม แผนที่วางไว้ (ดู 7.1) “ ที่ดี อาจไม่สามารถกระทำโดยคนๆเดียว คุณทำเป็นทีมก็ได้ ไม่มีที่ใดห้ามซะหน่อยที่ไม่ให้ตรวจเป็นทีม
การตรวจติดตามเป็นทีมดี (หากคุณมีคนดีในบริษัทคุณหลายๆคน และแน่ใจว่าแต่ละคนไม่ใจคับใจแคบ แต่ละคนใส่เสื้อสีเดียวกัน ) ที่เป็นเช่นนี้เพราะระบบเชื่อมโยงกัน มีผลสืบเนื่องกัน จะหาใครที่มีคุณลักษณะครบถ้วนทั้งหมดทุกประการหายาก จะหาคนที่บ่งบอกว่าระบบไหน กิจกรรมไหน ดีเหมาะสม ตรงไหนต้องปรับปรุงให้ดีขึ้น ไม่ง่าย เพราะต้องมีคุณวุฒิคุณลักษณะ มี power พอ
ผู้บริหารในสายงานหลัก หรืออย่างน้อยต้องเป็นระดับหัวหน้างาน ถึงจะคู่ควรกับภาระที่มอบหมาย
ความถี่ปีละครั้ง หรือ 6 เดือนหน เหมือนการตรวจติดตามเพื่อพิจารณาความสอดคล้องกับข้อกำหนด ISO9001 ไม่เหมาะสมหรอก เราไม่ควรปล่อยปละละเลยบริษัเราขนาดนั้น
ทั้งนี้แล้วแต่ท่านว่าจะแบ่งระดับการตรวจสอบพื้นที่หน้างานกันอย่างไรแบ่งระดับตรวจกันอย่างไร แล้วแต่ธรรมชาติของการผลิตขององค์กรท่าน
จริงๆเราน่าจะถามว่าผู้จัดการของท่านได้เคย ตรวจสอบงานของลูกน้องหรือไม่ ว่าได้มีการกระทำตามข้อกำหนด กฏเกณฑ์ มาตรฐานงานหรือไม่ หากคำตอบคือไม่ แนะนำให้หาผู้จัดการใหม่ บางองค์กรผู้จัดการตรวจงานลูกน้องเป็นรายวัน บางองค์กรทำเป็นรายสัปดาห์ บางองค์กรทำเป็นรายเดือน มีส่วนคล้ายกันมากระหว่างผู้จัดการตรวจงานกับการตรวจติดตามเพื่อพิจารณาการ เป็นไปตามแผนที่ได้วางไว้
รูปแบบการตรวจเหมือนกับ business process ทั่วๆไป
คือต้องใช้หลักการของ process audit
ในระหว่างการตรวจ ผู้ตรวจต้องพยายามหาหลักฐาน เพื่อยืนยันว่า เอกสารที่จัดทำขึ้น มีความเพียงพอในการควบคุมกระบวนการผลิต เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์ให้กับลูกค้า มีความเพียงพอ เหมาะสม ต่อการจัดการกับปัญหาคุณภาพผลิตภัณฑ์ที่เกิดขึ้น
คำว่าเหมาะสม แปลว่า มีความเพียงพอในการควบคุมกระบวนการผลิต เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์ให้กับลูกค้า มีความเพียงพอ เหมาะสม ต่อการจัดการกับปัญหาคุณภาพผลิตภัณฑ์ที่เกิดขึ้น
คำว่าเหมาะสม แปลว่า สามารถทำตามได้ และ ได้ทำตาม
คำว่าเหมาะสม แปลว่า ได้ผล ผลที่ได้อาจหมายถึงการบรรลุถึง output ของกระบวนการ การบรรลุ Quality objective , ไม่มีของเสีย ไม่มีการrework ทำได้ตามแผนการผลิต etc.
ได้ถ้าอยากรวม แต่จะดีหรือเปล่า
การตรวจติดตาม รวมๆ คล้ายๆกับการยำ บางคนยำอร่อย
บางคนยำไม่ได้เรื่อง ยิ่งยำยิ่งแย่ เลยเรียกย่ำแย่ไง
แย่ที่ย่ำอยู่กันที่ไม่ไปไหน
การยำไม่ดี จะไม่รู้รสอะไรนำ ซึ่งถือเป็นเวรกรรมของคนกิน
บางทีเราเรียกว่า มั่ว แทนคำว่ายำ (บางครั้ง มั่วๆก็อร่อย อย่างตำมั่วแถวบ้าน อร่อยสุดๆขอบอก..)
การตรวจประเมิน ควรแยกออกจากกัน เพราะ วัตถุประสงค์การตรวจติดตามต่างกันในแต่ละประเภท
การตรวจประเมิน ควรแยกออกจากกัน เพราะการตรวจประเมินกระบวนการก่อให้เกิดผลิตภัณฑ์เน้นการปรับปรุง เน้นให้คนมีวินัยในการทำการผลิต การตรวจจะ Loss focus หากการตรวจประเมินในครั้งนั้นๆ ครอบคลุมหลายๆเรื่องพร้อมๆกัน การตรวจจะไม่มีการ focus สับสนไปกับการตรวจติดตามเรื่องการบริหารนโยบาย การจัดการเชิงกลยุทธ์ การสอดคล้องกับข้อกำหนด ISO9001
กระบวนการก่อให้เกิดผลิตภัณฑ์มี สำคัญต่อบริษัทมาก
การตรวจติดตามประเภทนี้ มีเป้าหมายว่าเพื่อให้มั่นใจได้ว่ากระบวนการผลิตซึ่งมีผลกระทบต่อคุณภาพ ผลิตภัณฑ์ การสอดคล้องกับข้อกำหนดผลิตภัณฑ์โดยตรง มีความเพียงพอเหมาะสมในการรองรับปัญหาที่เกิดขึ้น มีการกระทำที่สอดคล้องและมีการดำเนินการจริงตามที่ได้มีการกำหนดไว้
การยำรวมกัน การตรวจติดตามพร้อมๆกัน การใช้ผู้ตรวจชุดเดียวกัน
ทำให้เกิดสิ่งที่เราเรียกว่า Loss focus ซึ่งท่านจะไม่ได้ประโยชน์อะไร
การตรวจติดตามพรัอมๆกัน ไม่เหมาะนัก เพราะ
แล้วจะรวมกัน ทำไมเนี่ย
ดูแล้วได้ไม่คุ้มเสีย !!
การจะทำอะไรต้องมีความเข้าใจ ต้องรู้หนักรู้เบา ต้องรู้อะไรก่อนอะไรหลัง การตรวจติดตามในแต่ละครั้งไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน การตรวจติดตามที่เน้นสอดคล้องเหมาะสำหรับ ระบบที่เพิ่งจัดทำใหม่ๆ เท่านั้น การตรวจติดตามที่เน้นปรับปรุงต้องทำเมื่อระบบเสถียรแล้ว การตรวจติดตามภายในที่เน้นการสอดคล้องกับข้อกำหนด ISO9001 เหมาะเพียงในช่วงก่อนการรับรองระบบเท่านั้น
อยากฝากว่า แทนที่กระบวนการตรวจติดตามจะเป็นภาระ เพิ่มค่าใช้จ่าย ไม่มีประโยชน์ มาทำกันในแบบที่เราควรจะทำ เพื่อท่านจะได้ ลดต้นทุน ทำให้ลูกค้าท่านมีความสุข องค์กรท่านเป็นองค์กรที่ไม่มีไขมัน และ แข็งแรง